เปิดปากกับภาคภูมิ ปมผู้เสียหายรวมตัวร้อง "พริตตี้นาเดียร์" หลอกให้ลงทุน และซื้อของ จนสูญเงินไปมากกว่าล้าน ทนายแนะ ผู้เสียหายต้องรวมตัวเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 เมษายน 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับคุณโม ผู้เสียหาย คุณปลั๊ก ลูกของผู้เสียหายที่เสียชีวิต และทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ในประเด็น สาวร้อง "พริตตี้นาเดียร์" คืนชีพ หลอกให้ลงทุน สูญเงินเป็นล้าน

คุณโม หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า ตนเองไปปฏิบัติธรรม เมื่อปลายเดือนมีนา ปี 66 ได้เจอกับแม่เดียร์ที่วัด เพราะแม่ชีคนหนึ่งเขาเป็นคนแนะนำที่รู้จักแม่เดียร์ อาจจะอยากให้เรามีรายได้เพิ่ม ซึ่งแม่เดียร์เขาสร้างโปรไฟล์ให้ตนเองน่าเชื่อถือ โดยชอบพูดว่าทำหลายอาชีพ ปล่อยเงินกู้เยอะ เราจึงเชื่อ เพราะคิดว่ามาอยู่วัดคงไม่มีคนมาโกหก

...

ก่อนเริ่มไปลงทุนด้วย ตอนนั้นตนเองอยากได้นาฬิกาหรู เขาจึงหาร้านให้เราโอนจ่ายมัดจำไป พร้อมกับชวนตนเองไปลงทุนด้วย ตนเองก็เลยไปทำสลากกินรัฐบาลกับแม่นาเดียร์ 5 แสนบาท และบอกให้ตนเองลงไปเรื่อยๆ จะได้ผลตอบแทน โดยในการลงทุนครั้งแรก 3 แสนบาท เขาให้เงินปันผลมา 4 หมื่น ต่อมาเขาบอกจะขายรถเบนซ์ให้ เราก็เลยจ่ายเงินมัดจำไปอีก 5 แสน ในตอนนี้ให้เงินนาเดียร์ไป 1 ล้าน 5 หมื่นบาทแล้ว

แต่พอตนเองแจ้งความ เขาก็โอนค่ามัดจำนาฬิกามาคืน เงินที่จ่ายไปทั้งหมดเป็นเงินเก็บตน และจากทรัพย์สินไปขาย ทำไปเพราะอยากได้รถ อยากได้นาฬิกา ในตอนนั้นที่เชื่อเพราะเวลาตนเองเอะใจ เขาจะให้ตนเองไปถามแม่พร ซึ่งเป็นแม่ชีที่แนะนำตนให้รู้จักกัน

ด้านคุณสถาปัตย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ หรือคุณปลั๊ก ลูกของผู้เสียหาย เผยว่า พ่อและพริตตี้นาเดียร์รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก ประมาณปลายปี 62 สูญเงินปี 63 และจบชีวิตลงปี 64 มันแย่ แย่มาก ในตอนนั้นพ่อตนมีผลิตภัณฑ์เขาอยากหาเซลล์ ซึ่งคนนี้เขาก็บอกว่ารู้จักลูกค้าทางจีนเยอะ พ่อตนก็ส่งข้อมูลทุกอย่างให้เสร็จสรรพ

ทางนั้นก็ส่งยอดสั่งซื้อมาให้ บอกว่าขายดีมากเลย มีคนต้องการสินค้าเยอะเป็นล้านเลย แต่ก่อนที่จะได้ลูกค้า จะมีปัญหาต่างๆ มากมาย เขาก็พูดหว่านล้อมพ่อตนก็จ่ายเงินไปแก้ปัญหา โดยบอกว่าต้องจ่ายเงินไปเพื่อดึงกลุ่มลูกค้ากลับมา ซึ่งเขาจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเองต่างๆ จนพ่อตนก็เห็นว่ามันมีเหตุผล ก็ใส่เงินไปเรื่อยๆ เพื่อหวังว่าจะได้เงินคืน สุดท้ายพ่อก็ใส่ไป 27 ล้าน ซึ่งเป็นเงินที่ยืมมาจากเพื่อน จากที่ต่างๆ บ้าง

ก่อนหน้าที่พ่อจะตัดสินใจจบชีวิตลง 3-4 วัน พ่อก็มาปรึกษากันที่บ้าน เราก็บอกว่าจะช่วยกันแก้หนี้ คุยกันหมดทั้งบ้าน ตนโมโหมากที่เขาหาทางออกแบบนั้น แต่คนๆ นี้โหดเหี้ยมมาก ในวันที่พ่อตัดสินใจจบชีวิต ก็พยายามทวงเงินคืนจากนาเดียร์แล้ว

แต่เขายังขอเงินอีก 3 ล้าน บอกเพื่อดึงเงินทุกอย่างที่พ่อตนลงทุนกลับมา พ่อตนก็รอบคอบ จึงแจ้งความไว้ก่อน แต่คนชื่อนาเดียร์ก็ขู่ว่าจะฟ้องกลับ อ้างว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโต แต่เพื่อนก็แนะนำไว้พ่อจึงไม่ถอน ส่วนเรื่องของคดี ในเดือนหน้าจะมีสืบพยานครั้งแรก ทางนาเดียร์ก็จะโยนเรื่องของการให้โดยเสน่หาทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายจะโอนเงินให้ผู้หญิงไปแบบนั้น

ด้านทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เผยว่า เป็นคดีที่ค่าเสียหายมากที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องของการสู้คดี ต้องดูจากหลักฐานสำคัญในคดีนี้ แต่เราจะไปเปิดเผยในชั้นศาล เพราะเชื่อว่าเขาน่าจะกำลังดูอยู่

คุณสถาปัตย์ กล่าวต่อว่า เคยเจอเขาที่วัด ผมอโหสิให้ แต่สิ่งที่คุณทำมา มันมีบางอย่างที่คุณต้องชดใช้ แล้วที่คุณหลอกคนอื่นไปเรื่อยๆ ถือว่าจิตใจโหดเหี้ยมมาก 

ขณะที่คุณปีเตอร์ ผู้เสียหายอีกคน ให้ข้อมูลว่า ปกติที่วัดจะมีการบริจาคเข้าบัญชีวัดอย่างเดียว แต่ทางคุณเดียร์ เขาบอกคนอื่นว่าขออนุญาตพระเปิดรับบริจาคแล้ว ซึ่งระหว่างที่อยู่ในวัด จะมีการบอกกับคนทำบุญว่า ให้มาทำบุญกับเขาเอง มีทั้งโอนเข้าบัญชีและให้เงินสด ซึ่งมีผู้เสียหายเยอะมาก ตนเองเป็นคนสนับสนุนวัดนั้นอยู่ และก็โดนมาเยอะเหมือนกัน หลังจากเตือนคนว่าให้โอนเงินให้วัด เพราะเห็นว่าคุณเดียร์มีคดี แต่กลับถูกปั่นให้ออกจากวัด จึงอยากชี้แจงว่าทางวัดไม่ได้รู้เห็น เพราะมีคนแฝงตัวเข้ามา

สุดท้ายในเรื่องของการดำเนินคดี ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า มันต้องดูเป็นเคสไป ในตอนนี้กลุ่มผู้เสียหายจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือเป็นชั้นศาลและชั้นตำรวจ ส่วนเรื่องของการดำเนินคดีอยู่ที่กระบวนการของบ้านเราว่าจะปกป้องคนได้แค่ไหน ไม่อย่างงั้นก็จะมีผู้เสียหายเกิดขึ้นเรื่อยๆ และหวังว่าทางวัดจะออกมาแจ้งความแจ้งข่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.