สุดยอดนักไกล่เกลี่ย ผู้ใหญ่บ้านพา 2 กลุ่มวัยรุ่น หลังก่อเหตุตีกันกลางงานรถแห่ จับมือยุติปัญหาความขัดแย้ง ใช้ระบบยุติธรรมชุมชนมาไกล่เกลี่ย ก่อนเกิดเหตุลุกลามบานปลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวราวุฒิ ไร่สุขเจริญ ผู้ใหญ่บ้านห้วยปอ ต.ห้วยแถลง อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้รับทราบเหตุจากคลิปวิดีโองานรถแห่ เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยเป็นเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นนับสิบรายรุมทำร้าย นายภูวิศ (สงวนนามสกุล) ลูกบ้านของนายวราวุฒิ ทำให้ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำไปทั้งตัว ก่อนจะมีผู้เข้ามาห้ามปราม ทำให้กลุ่มวัยรุ่นแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง แต่หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ ได้โพสต์ข้อความท้าทายกันในเฟซบุ๊กว่า "กูร้ะเปิดจบบ่555" ทำให้หวั่นว่าต่อไปอาจจะมีการแก้แค้นเอาคืนระหว่างกัน จนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงบานปลายจนยากเกินการควบคุม
ต่อมา นายภูวิศ จึงเดินทางเข้าแจ้งเรื่องให้กับ นายวราวุฒิ หลังทราบเรื่องราวดังกล่าวแล้ว หลัง นายภูวิศ รักษาตัวจนอาการบาดเจ็บหายเป็นปกติ ได้ประสานไปยังผู้นำชุมชนใกล้เคียง เพื่อสอบถามถึงกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ จนทราบว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางมาจาก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ข้ามถิ่นมาเที่ยวงานรถแห่ และก่อเหตุในครั้งนั้น
...
ทั้งนี้ จึงได้ประสานให้นำตัวกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ เข้ามาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน จนในที่สุดผู้นำชุมชนสามารถนำกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ พร้อมกับพ่อแม่ผู้ปกครอง เดินทางเข้ามาพบเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเบื้องต้นพบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุรุมทำร้ายในครั้งนี้จำนวน 13 ราย
จากการสอบถามเพิ่มเติมทราบว่า ขณะรถแห่ทำการแสดง นายภูวิศ ผู้บาดเจ็บ ได้เดินไปยื่นเหล้าให้กับหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ พร้อมตบหัวหยอกล้อกัน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จึงทำให้กลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุเกิดความไม่พอใจ กระโดดเข้าชกต่อยตี นายภูวิศ หลังจากนั้นเพื่อนๆ กลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ ก็เข้ามาช่วยรุมตามที่ปรากฏในคลิป โดยจากการสอบถามกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ บางรายยอมรับว่า รุมตีจริง ขณะที่อีกหลายรายอ้างว่า เข้าไปช่วยห้ามปรามเพื่อน
แต่หลังจากวัยรุ่นทั้ง 2 ฝ่าย ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว ต่างยินดีจับมือไม่เอาความต่อกัน พร้อมกับยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้บาดเจ็บก็ไม่ประสงค์ดำเนินคดี เพราะมีส่วนในความผิดที่เกิดขึ้น พร้อมร่วมทำบันทึกข้อตกลงยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน และจะไม่ไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทในงานใดๆ อีก ทำให้เรื่องราวจบลงด้วยดี นับเป็นการนำ "ระบบยุติธรรมชุมชน" มาใช้อย่างได้ผล.