ฟังความ 2 ฝ่าย ดราม่าสาวเข้าแจ้งความ อ้างจอดรถบังหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว โดนนอตสกรูเจาะล้อ ขณะที่ "พ่อค้า" ร่ำไห้ ยอมรับชอบชักสีหน้า แต่ไม่ได้ทำ

วันที่ 26 มีนาคม 2566 มีรายงานว่า จากกรณีแฟนเพจ "ท็อป เรารักแปดริ้ว" ได้นำเสนอเรื่องราวของสาวผู้เสียหาย ที่ได้จอดรถบังหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ริมถนนศรีโสธรตัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังทำธุระเสร็จขับรถออกไป กลับพบว่าที่ล้อรถ มีฝาชาเขียวติดกับนอตสกรูเจาะทิ่มเข้าไปที่ยางรถ

ซึ่งช่วงสายวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับผู้เสียหาย ทราบชื่อคือ นางพรพรรณ อายุ 40 ปี ชาวตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนเองได้ขับรถเก๋งไปจอด บริเวณหน้าร้านเจ้านายบะหมี่แปดริ้ว เพื่อจะไปทำธุระฝั่งตรงข้าม แต่สังเกตดูแล้วก็ไม่ได้บังหน้าร้านเสียทีเดียว จากนั้นได้มีผู้หญิงภายในร้านก๋วยเตี๋ยว เดินมาหาตนที่รถ และบอกกับตนว่า จอดตรงนี้ไม่ได้ จอดได้เฉพาะลูกค้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ตนเลยแจ้งกลับไปว่า ขอไปทำธุระ เดี๋ยวกลับมา

...

จากนั้น ตนก็เดินข้ามถนนไป และหลังจากทำธุระเสร็จ ประมาณครึ่งชั่วโมง ตนเดินกลับมาที่รถ สังเกตเห็นผู้หญิงภายในร้านมองตนแบบสายตาไม่เป็นมิตร ตนก็ไม่ได้สนใจจึงขึ้นรถและขับออกมา เมื่อขับออกมาก็พบความผิดปกติ เมื่อมีเสียงเหมือนพลาสติกหรืออะไรสักอย่างกระทบกับถนน ตนรู้สึกเหมือนไม่ปลอดภัย จึงไม่กล้าลงมาดู จึงขับออกมาจนถึงบ้าน และให้คนที่บ้านช่วยดู ก็พบว่ามีฝาชาเขียวเจาะนอตสกรู เจาะเข้ามาที่ยางหลังฝั่งซ้ายของรถตน

นางพรพรรณ เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ทีแรกตนนำเรื่องนี้เตือนภัยเฉพาะกับเพื่อนๆ ที่ทำงานว่า ถ้าไปจอดรถบริเวณนั้นให้ระมัดระวัง ก่อนจะมีการเตือนภัยในโลกโซเชียลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ตนก็ไม่ได้ระบุร้าน เพียงบอกเล่าเรื่องราวและพิกัดใกล้เคียงแบบไม่ได้ละเอียด จากนั้นก็มีผู้ที่ประสบเหตุเหมือนตนเองและใกล้เคียง ได้แชร์โพสออกไปเป็นจำนวนมาก จากนั้นเจ้าของร้านดังกล่าวได้เข้าไปเมนต์ถ้อยคำที่คุกคาม ตนเองจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา

ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เสียความรู้สึกมาก ตนเองก็เคยเป็นลูกค้า เคยไปนั่งกินที่ร้านบะหมี่แห่งนี้ จึงอยากฝากเตือนเหตุการณ์ในลักษณะนี้ว่า มันเป็นการกระทำที่อันตราย ตนเองเป็นคนที่ขับรถเร็ว ถ้าเราไม่สังเกตและขับไปด้วยความเร็ว หากยางระเบิดตนเองไม่สามารถควบคุมรถได้ หากเลวร้ายไปกว่านั้นก็อาจจะไปชนรถของผู้ร่วมทางบนถนน อยากให้ผู้ทำคิดและตระหนักอีกนิดนึงว่า มันจะส่งผลกระทบต่อคนอื่น ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และอาจจะถึงชีวิตได้

นอกจากนี้ยังพบว่า ร้านดังกล่าววันนี้ไม่ได้มีการตั้งร้านขายของแต่อย่างใด โดยมีการนำผ้าใบสแลนสีดำมาคลุมร้านไว้

ต่อมาช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก นายประวิทย์ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวดังกล่าวว่า ต้องการอธิบายในส่วนของทางร้านกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง วัดทดราษฏร์เจริญมณีฤทธิ์ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งร้านของนายประวิทย์ ได้มาออกบูธงานทำบุญเลี้ยงพระในวันนี้

นายประวิทย์ เปิดเผยว่า ตนทราบเรื่องจากโลกโซเชียล พยายามเข้าไปอธิบายแต่ก็ไม่มีใครรับฟัง ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกเจ็บมาก และร้านตนเองเสียหาย ตนไม่ได้ทำก็คงจะเอาความดีเข้าสู้ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนี้เกิดขึ้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือประมาณต้นเดือนมีนาคม ตนจำวันที่แน่ชัดไม่ได้ จำได้คือตอนที่เขาขับรถเข้ามาจอด ตนก็เดินไปถามเขาว่า "น้องครับ จอดรถนานไหมครับ เขาตอบกลับมาว่า จอดไม่นาน" ตนก็ยอมรับว่าชักสีหน้าตึงใส่เขา แล้วเขาก็หายไปนาน ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วกลับมา รอบนี้ก็ชักสีหน้าใส่เขาอีกรอบ แต่ไม่ได้มีคำพูด หรือตะโกนด่าอะไรออกไป

นายประวิทย์ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนนำนอตสกรูไปวางยางรถของหญิงสาวคนดังกล่าวแน่นอน ตนเองทำงานอยู่ภายในร้าน ทำก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟลูกค้า แต่ถ้าบอกว่านอตสกรูเจาะยาง ก็อาจจะเป็นนอตที่โต๊ะหลวม แล้วหล่นไปอยู่ที่พื้นแล้วไปโดนรถของหญิงสาวคนดังกล่าวหรือไม่ อันนี้ตนไม่รู้ ตนขายของตรงนี้มานานกว่า 13 ปีแล้ว คงไม่ตัดที่ทำมาหากินของตน

อีกอย่างหากว่าตนเป็นคนแบบนั้น หรือทำจริง ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่ขายอยู่ตรงนี้ ก็ต้องมีผู้เสียหายที่ตนวางยางรถมาแสดงตัว แต่นี่เรื่องเกิดมาเป็นเดือนแล้ว หญิงสาวคนดังกล่าวเพิ่งจะออกมาเตือนภัย ตนเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุผลใด แต่ตนเองยืนยันได้ตลอดว่า ไม่ได้เป็นคนทำ และไม่เคยเอานอตสกรูไปวางยางรถใคร

ยอมรับว่าข้อเสียของตนคือ มักจะเข้าไปถามรถที่มาจอดหน้าร้านว่าจอดนานไหม แต่ก็ไม่เคยข่มขู่ หรือพูดจาไม่ดีแต่อย่างใด ที่ผ่านมาบางทีตนเองก็เคยเจอรถบรรทุกมาจอดบังหน้าร้านนานหลายชั่วโมง จนลูกค้าไม่เห็นหรือไม่มีที่จอด ตนเองก็ต้องขายของไปแบบนั้น เต็มที่ก็ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่เคยคิดจะไปทำลายรถของคนอื่นอย่างแน่นอน.