เปิดข้อหา "ปอ-โรเบิร์ต" คดีแตงโม ตามที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หลังกลับลำรับสารภาพในชั้นศาล ด้านชาวเน็ตลุ้นหลักฐานใหม่ ที่แม่มั่นใจว่าสู้ได้ 

วันที่ 2 มี.ค. 66 ความคืบหน้าในคดีแตงโม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ "ปอ-โรเบิร์ต" ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้ กลับคำให้การในชั้นศาล ยอมรับสารภาพทุกข้อหา ตามที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ศาลนัดฟังคำพิพากษา 10 พ.ค. นี้ ส่วนจำเลยที่เหลือยังปฏิเสธ จึงแยกสำนวน ฟ้องใหม่นัด 28 เม.ย.

ขณะที่คุณแม่ยอมรับ รู้สึกเซอร์ไพรส์ มองว่าทั้งสองมาถูกทางแล้วที่รับสารภาพเพราะถ้าสู้ต่อไปอาจจะแย่กว่าเดิม ส่วนหลักฐานใหม่ที่ยื่นต่อศาลเพื่อขอร่วมเป็นโจทก์ร่วมในคดีวันนี้ เป็นคลิปกล้องหน้ารถแตงโม ที่ไปยื่นขอกลับมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพบว่า มีข้อมูลบางส่วนถูกลบไป จากนั้นได้ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการกู้ข้อมูลกลับมา ทำให้ได้ยินเสียงสนทนาของ 2 คน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งแม่เองฟังตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกมั่นใจกับหลักฐานชิ้นนี้ และจำเสียงบุคคลในคลิปได้อย่างชัดเจน แต่ขอให้เป็นรายละเอียดในสำนวน ส่วนเรื่อง "แซน" ยอมรับว่า ตกใจที่จะฟ้องกลับแม่ เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 40.8 ล้าน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...



ทั้งนี้ ปอ ถูกอัยการยื่นฟ้องในความผิดรวม 6 ข้อหา คือ กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตร รับรองถูกต้องตามกฎหมาย, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตสิ้นอายุ, ทิ้งของปฏิกูลลงแม่น้ำ, ไม่ติดชื่อเรือเป็นอักษรไทยและภาษาอังกฤษที่หัวเรือ และแจ้งความเท็จ 

ส่วน โรเบิร์ต ถูกแจ้ง 4 ข้อหา คือ กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองถูกต้องตามกฎหมาย, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตสิ้นอายุ และทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงแม่น้ำ

ส่วน "แซน" วิศาพัช มโนมัยรัตน์ หนึ่งในจำเลยคดีนี้ เผยว่า ไม่รู้มาก่อนว่า ปอกับโรเบิร์ต จะให้การรับสารภาพทุกข้อหาในชั้นศาล เพราะทั้งคู่ไม่เคยบอก มารู้วันนี้เช่นกัน เป็นอะไรที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ แต่ก็ดี จากนี้จะสู้คดี โดยไม่เกรงใจกัน ถึงเวลาใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม คนในโลกโซเชียล ที่ร่วมกันติดตามคดีแตงโม มาตั้งแต่วันแรกนั้น ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ พร้อมกับติดแฮชแท็ก #แตงโม จนพุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ โดยส่วนใหญ่อยากรู้ว่า ไฟล์จากกล้องหน้ารถที่คุณแม่อ้างว่ากู้มาได้นั้น คนที่อยู่ในคลิปคุยกันว่าอย่างไร จนทำให้คุณแม่มั่นใจในหลักฐานชิ้นนี้.

ที่มาจาก ทวิตเตอร์