สู้ต่อไม่ไหว พยาบาลสาวเขียนจดหมายสั่งลา หลังเกิดปัญหาในที่ทำงาน แต่กลับไร้ที่พึ่งและทางออก บอกเหมือนไม่ได้สู้กับคู่กรณีคนเดียว ล่าสุด หมอแล็บเผย ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว
วันที่ 21 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความระบายความอัดอั้นตันใจ ระบุว่า ชีวิตฉันเกิดมาเป็นชาวเขา พ่อแม่ฉันมีลูกหลายคน แต่พ่อแม่ฉันเลี้ยงดูพวกเรามา ให้พวกเราทุกคน ได้เข้ามาเรียน ได้มีการศึกษา ฉันเป็นลูกสาวคนเล็ก ตอนเด็กๆ ฉันมักจะป่วยบ่อยๆ ไปโรงพยาบาล มักจะโดนพยาบาล หรือ ผู้ช่วยพยาบาลดุด่า แม้เราในฐานะคนไข้จะไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจก็โดนด่าอยู่ดี
แม่ฉันเลยบอกกับฉันว่า วันนึงถ้าลูกโตมา ลูกต้องเป็นพยาบาลนะ แล้วลูกอย่าไปทำแบบนี้ที่เราโดนกับคนไข้ ฉันในวัยที่รู้ความแล้ว ฉันจำได้ขึ้นใจ ในวัยประถม ฉันตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และได้ลำดับต้นๆ ของห้องมาตลอด จนฉันมาเรียนมัธยมต้น ฉันโดนบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์ และชาติพันธุ์ เพื่อนๆ ล้อว่าฉันตาตี่ ไม่สวยตัวเตี้ย บ้างก็ด่าว่าฉันนั่งหลับเหรอ ฉันโดนบูลลี่มาตลอด ฉันเคยกลับบ้านไปกอดแม่ แล้วร้องไห้กับแม่ เล่าสิ่งที่เจอที่โรงเรียนให้แม่ฟัง แม่บอกฉันสวยมาก และน่ารักที่สุดในสายตาแม่
ฉันกลับไปเรียน โดนล้อ โดนบูลลี่อยู่ตลอด การเรียนฉันเริ่มดรอปลง จนวันปัจฉิมฉันเข้าโรงพยาบาล ไม่ได้ปัจฉิมกับเพื่อน พอมาเรียน ม.ปลาย เป็นโรงเรียนคริสเตียนแห่งหนึ่ง ฉันได้รับการยอมรับจากสังคมเพื่อน และไม่โดนบูลลี่ การเรียนฉันเริ่มดีกลับมา ฉันเข้าเรียนในสายวิทย์-คณิต เพราะฉันใฝ่ฝันจะเป็นพยาบาล ซึ่งตอนฉันใกล้จบ ทางบ้านมีปัญหาด้านการเงิน แถมสุขภาพคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยดี คุณพ่อคุณแม่ได้ให้ฉันเปลี่ยนความคิด และเรียนต่อเอกครุศาสตร์ เนื่องจากค่าเทอมพยาบาลสูง ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเข้าศึกษาต่อ
...
แต่ฉันก็ยังทิ้งความใฝ่ฝันในวัยเด็กไม่ได้ นั่นก็คือพยาบาล ฉันหาทุกวิถีทาง จนมีอาจารย์ท่านนึง บอกว่าให้แอดมิชชัน คณะพยาบาลของสถาบันพระบรมราชชนก เพราะเขามีทุนให้เรียน ในช่วงนั้นฉันปิดเทอม กลับบ้านไปอยู่บนดอย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีอินเทอร์เน็ต ถ้าจะโทรศัพท์ต้องขับไปที่ๆ จุดมีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วฉันก็ได้ขอให้อาจารย์ท่านนี้แอดมิชชันให้ฉัน โดยฉันส่งรายละเอียดข้อมูล ให้อาจารย์ทั้งหมด ทั้งผลคะแนน GAT-PAT คะแนนต่างๆ
ตอนนั้นฉันแอดติดเป็นเวชกิจฉุกเฉิน ส่วนพยาบาลติดตัวสำรอง ฉันจึงได้มาเรียนเวชกิจฉุกเฉินไป 1 ปี ระหว่างเรียนเวชกิจ ฉันก็ยังไม่ทิ้งความใฝ่ฝันในวัยเด็ก ฉันได้ไปสอบ GAT-PAT ใหม่ แล้วยื่นแอดมิชชันใหม่อีกครั้ง ปีนี้สรุปฉันก็ติด แล้วได้เข้ามาเรียนพยาบาล ลำบากมากๆ
วันที่ไปตรวจเลือดเพื่อยื่นเข้าเรียน ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ฉันจำได้แม่กับฉันวิ่งตากฝน เพราะแต่ละตึกไกล และตอนนั้นตกหนัก ด้วยเหตุที่เราไม่รู้ว่าทาง แต่ละตึกไปทางไหน แถมถ้าเดินทางทางเดินในอาคารก็ไปถึงช้า เพราะตอนนั้นเวลาจะ 16:00 เราต้องรีบตรวจ และรีบนำผลมา วันนั้นที่ช้า เพราะเราไปหลายโรงพยาบาล ไปโรงพยาบาลนครพิงค์ แต่เขาบอกรับตรวจ 20 คนต่อวัน ซึ่งเต็มแล้วให้ไปที่อื่น และพวกเราเลย ต้องไปที่โรงพยาบาลมหาราช พอไปถึงคนไข้ก็เยอะ เลยทำให้ช้าลงไป และต้องวิ่งแข่งกับเวลา
พอมาเป็นพยาบาลฉันดีใจมาก ฉันตั้งใจเรียนเพื่อให้จบในระยะเวลาที่กำหนด พอเรียนจบ ฉันตั้งใจสอบให้ผ่าน 8 รายวิชา เพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพพยาบาล เพื่อมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากเรียนจบฉันก็ตั้งใจหาช่องทาง เพื่อสอบข้าราชการให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ
จนวันนึงฉันก็สอบติดมาเป็นข้าราชการ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่แล้วฉันดีใจมากๆ แต่พ่อกับแม่ฉันกลับเป็นห่วง ไม่อยากให้ฉันเข้ามาอยู่จุดนี้ เขาบอกที่เดิมที่ฉันอยู่ตอนจบใหม่นั้นลงตัวแล้ว แต่แล้วด้วยที่ฉันคิดว่านี่คือความใฝ่ฝันของฉัน ข้าราชการพยาบาล จนฉันมาบรรจุราชการ ทำงานผ่านไปหลายปี ฉันเจออุปสรรคมากมาย ฉันเรียนรู้ที่จะอยู่และอดทนปล่อยวาง
แต่แล้ววันนึงมีเหตุที่ไม่คาดคิด คือ รถมอเตอร์ไซด์ของฉัน ที่จอดไว้ในบ้านพักโรงพยาบาลได้หายไป หลังจากตรวจเช็ก หาจากบริเวณบ้านพัก และเขตโรงพยาบาลไม่เจอ จึงได้ไปขอกล้องวงจรของพี่พยาบาลท่านนึงในโรงพยาบาล ตรงบริเวณที่ฉันจอดรถ พบว่าเป็นแฟนของเจ้าหน้าที่ตำแหน่งใหญ่ท่านนึงในโรงพยาบาล ดิฉันได้ติดต่อเขา และขอรถคืน เขาบอกว่าเขาสั่งแฟนเขามาเอารถฉันไป เพราะเห็นจอดไว้นาน และเขาบอกว่าทีเเรก จะเอาไปขายทอดตลาด
ซึ่งฉันรู้สึกไม่ดีเลย เครียดมาก ฉันบอกพี่เขาว่า พี่ไม่มีสิทธิ์เอารถน้องไปไม่ว่าอะไร เพราะรถก็จอดถูกที่ถูกตำแหน่ง พี่เขาบอกว่าเขาเป็นตำแหน่งหัวหน้าพัสดุของโรงพยาบาล และแฟนเขาเป็นตำแหน่งสรรพสามิต เขาเลยมาเอารถของฉันไป ฉันบอกไม่ว่าด้วยอะไร เขาก็ไม่มีสิทธิ์เอารถไปไหน
แต่แล้วเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ฉันได้รถคืน แต่ทุกอย่างมันแย่ เพราะฉันได้แจ้งความไปที่ สภ. และเวลาฉันไปขอความช่วยเหลือต่างๆ จากทางอำนวยการ เช่น ไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่ทางอำนวยการให้ข้อมูลกลับไปมา และฉันขอให้ดำเนินการกับทางคู่กรณี ตอนนี้ฉันเดือดร้อนหลายๆ อย่าง ฉันขอความช่วยเหลือจากทางผู้ใหญ่ในโรงพยาบาล แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ และฉันรู้สึกกังวลใจ
หลังจากเหตุการณ์นี้ฉันโดนคู่กรณีคุกคามชีวิต ฉันได้แจ้งไปทางผู้ใหญ่ในโรงพยาบาล แต่แล้วได้รับการดูแล 1 เดือนครึ่ง นอกจากนี้ฉันได้มีปัญหากับทางหน่วยงาน ซึ่งตลอดมาก็มีปัญหาหลายๆ อย่างในหน่วยงาน ซึ่งมันสะสม จนวันนึงมีน้องในหน่วยงานมาเปิดประเด็น และฉันได้เกิดเรื่องในหน่วยงาน
ฉันเขียนย้ายแผนก แต่ไม่ได้รับการย้าย ฉันเครียดสะสมหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน หลายๆ เรื่อง นอนไม่หลับ ทั้งหวาดระแวง กลัวโดนทำร้ายจากคู่กรณี อีกทั้งมีปัญหาในหน่วยงาน ฉันได้ส่งจดหมายทางเมล ไปถึงอธิบดี เนื่องจากทั้ง ผอ. และผู้ใหญ่ในโรงพยาบาล ฉันได้ดำเนินการไปแล้ว แต่เรื่องเงียบ
ทุกๆ วัน ฉันหวาดระแวง และเครียดนอนไม่หลับ จนมีวันนึงฉันนั้นโดนเรียกไปพบผู้ใหญ่ในโรงพยาบาล และถูกกดดันหลายอย่าง ฉันรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และความกดดันที่ไม่มีทางออก ทั้งในหน่วยงาน และเรื่องต่างๆ ในวันนี้ ฉันขอจบชีวิตลง เพื่อยุติความอยุติธรรม และทางออกต่างๆ ฉันไม่อยากรับผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ทั้งความก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน และงานที่ฉันทำ เพราะตอนนี้เหมือนฉันไม่ได้ต่อสู้ กับคู่กรณีคนเดียว
RIP ชีวิตราชการตัวน้อย กว่าจะมาเป็นพยาบาล ลูกขอโทษด้วยนะแม่ ลูกทนแรงกดดันไม่ไหว ลูกไม่มีทางออก มีปัญหาในหน่วยงาน แต่ผู้ใหญ่ให้อยู่ที่เดิม เพราะมีคนอยากไปแผนกที่ลูกเขียนย้าย โดยไม่มองปัญหาน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้น ลูกหวังว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับที่อื่นอีก ราชการชั้นผู้น้อย ที่ไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว ลูกรักแม่ ขอโทษด้วยนะแม่ แล้วลูกจะตอบแทนคุณในชาติหน้า คนที่รอเหยียบหยามซ้ำเติม เชิญเลยเต็มที่ค่ะแป้งถอยแล้ว ทุกคนชนะแล้ว พวกคุณจะไม่มีวันได้แกล้งฉันอีก
ล่าสุด ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง เจ้าของแฟนเพจ หมอแล็บแพนด้า ได้โพสต์อัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้สาวพยาบาลเจ้าของโพสต์ปลอดภัยแล้ว.
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า