- การยุติตั้งครรภ์แบบถูกกฎหมาย สามารถทำได้ ในหญิงที่มีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ รวมถึงผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต ไม่ใช่แค่สุขภาพกาย
- กับดักวลี "เมืองไทย เมืองพุทธ" คนพร้อมใจเชื่อไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์
- พูดคุยกับกลุ่มทำทาง ทำไม? ทำแท้งปลอดภัย ถึงสำคัญ
จากกรณี กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศหลักเกณฑ์ให้คำปรึกษาในการยุติการตั้งครรภ์ ตามมาตรา 305 (5) แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2565 โดยได้เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อที่ 26 ก.ย.65 และจะมีผลบังคับเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันประกาศ
โดยประกาศฉบับนี้ เพื่อแก้ปัญหาทำแท้งผิดกฎหมาย หญิงที่มีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ สามารถทำแท้งได้ ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่ต้องได้รับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และผู้ประกอบวิชาชีพอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดโดยคำแนะนำแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
...
ไม่มีผู้หญิงคนไหนตั้งใจท้อง เพื่อไปทำแท้ง
คุณสุไลพร ชลวิไล กลุ่มทำทาง ภาคประชาสังคมที่ช่วยเหลือการเข้าถึงการยุติตั้งครรภ์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ในประเทศไทย สามารถทำแท้งถูกกฎหมายได้จริง เพราะเรามีหมอที่ให้บริการ มีรัฐบาลสนับสนุนค่าบริการยุติตั้งครรภ์ 3,000 บาท สำหรับประชาชนคนไทยทุกคน ที่สำคัญเราเพิ่งแก้กฎหมายไปเกือบ 2 ปี ที่อนุญาตให้ทำแท้งได้แบบถูกกฎหมาย แต่ถามต่อว่า คนที่รู้ว่ากฎหมายให้ทำได้ แต่รู้หรือเปล่าว่า สถานบริการเกี่ยวกับการทำแท้งอยู่ที่ไหน 100 คนคงบอกว่าไม่รู้ เพราะมีแต่การแก้กฎหมาย แต่ไม่มีการให้ข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้คนได้เข้าถึงบริการเหล่านั้น หรือค่าบริการเป็นอย่างไร ซึ่งทั้งหมดเป็นหน้าที่ของรัฐที่ควรจะประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้
ซึ่งกฎหมายใหม่นี้ มาตรา 301 ยุติการตั้งครรภ์ ในอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ คุณทำได้เลย ไม่ผิดกฎหมาย ที่แก้อีกมาตรา คือ มาตรา 305 อนุญาตให้ทำแท้งในกรณีที่การตั้งครรภ์ต่อไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้หญิง คุณมีปัญหาสุขภาพจิต คุณก็ทำได้ ไม่ใช่แค่สุขภาพกายอย่างเดียว หรือการตั้งครรภ์นั้น เกิดจากการถูกกระทำความผิดทางเพศ ข่มขืน อนาจาร ล่วงละเมิด ฯลฯ รวมถึงมาตรา 305 (5) อายุครรภ์ ถ้ามากกว่า 12 สัปดาห์ ยังทำได้ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ แต่ต้องผ่านการปรึกษาทางเลือกจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง ดังนั้น ถ้าเราตีความตามกฎหมายจริงๆ แล้ว เราทำแท้งได้ตลอด ทุกอายุครรภ์
เกี่ยวกับเรื่องการทำแท้งถูกกฎหมายนี้ ยังคงถูกพูดถึงในวงกว้าง บางคนนำไปโยงกับเรื่องของศีลธรรม ดังวลีที่ว่า เมืองไทย เมืองพุทธ หรือความเชื่อที่ว่า หากทำแท้งแล้ว อาจทำให้ชีวิตไม่มีความเจริญ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำแท้ง หรือคนที่สนับสนุนการทำแท้งนั้นด้วย
เมืองไทย เมืองพุทธ และบาปจากการทำแท้ง
เมื่อถามถึง คำกล่าวที่ว่า เมืองไทย เมืองพุทธ ทำให้การทำแท้งอาจจะยังไม่เป็นที่ยอมรับจากคนบางกลุ่ม คุณสุไลพร กล่าวว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เป็นพุทธแบบไหน พุทธเชิงไสยศาสตร์หรือเปล่า พุทธที่เป็นแก่นของพุทธศาสนาหรือเปล่า ถ้าพูดถึงแก่นของพุทธศาสนา มันไม่ได้มีแค่เรื่องของศีล 5 อย่างเดียว ทำไมไม่พูดถึงเรื่องเมตตากรุณา ถ้ามองเห็นว่าพุทธศาสนาพูดให้ความสำคัญกับเรื่องของเมตตากรุณา คุณต้องมีเมตตากรุณากับผู้หญิงที่กำลังอยู่ในปัญหา ไม่ใช่เอาแต่ศีลขอ 1 อย่างเดียว โดยไม่มองอะไรเลย ไม่ช่วยใครเลย เพราะมันผิดความเชื่อของคุณ
ซึ่งเรารู้สึกเศร้าว่า ทำไมพอเป็นเรื่องทำแท้ง คนพร้อมใจที่จะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ ทำแท้งเป็นเรื่องเลว เรื่องบาป และความคิดนี้มันครอบงำไปทั้งสังคม ตั้งแต่ข้างบนลงล่าง ไม่ว่าคุณจะจบอะไรมา แต่คุณมาติดอยู่ที่คำว่าศีลธรรมอันดี ไม่เคยมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพทย์ว่า การทำแท้งปลอดภัย มันทำได้ง่ายอย่างไร มีแต่นั่งเฉยๆ แล้วบอกว่า สังคมควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้สิถูก บรรทัดฐานทางศีลธรรม เราเป็นเมืองพุทธ คือเราไม่ได้อยู่ในสังคมที่พาเรายกระดับความรู้ ความเข้าใจ และสิทธิมนุษยชน เราอยู่ในสังคมที่กดเราเอาไว้ให้อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของคนสมัยก่อน
ทำไม? ทำแท้งปลอดภัย ถึงสำคัญ
เมื่อถามว่า แล้วทำไมเรื่องการทำแท้งปลอดภัย ถึงสำคัญ คุณสุไลพร อธิบายว่า การทำแท้งที่ปลอดภัย มันไม่ได้ทำให้คนทำแท้งมากขึ้น แต่มันรักษาชีวิตคน ให้เข้าปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเมื่อประมาณปี 2019 มีข่าวว่านักศึกษาที่เชียงใหม่ เสียชีวิตคนเดียวอยู่ในห้อง อนาคตเขายังอีกไกล ทำไมต้องมาเสียชีวิต เพียงเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าสถานบริการอยู่ที่ไหน บางทีคลินิกอาจจะอยู่ไม่ไกลจากเขา แต่เขาต้องตายอยู่ในห้อง ข้อเท็จจริงในระดับโลกคือ ประเทศที่ไม่มีกฎหมายสนับสนุนการทำแท้งหรือไม่มีบริการแบบนี้ จะมีผู้หญิงที่เสียชีวิตจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย หรือบาดเจ็บ จำนวนมาก
ผู้เขียน : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟิก : Varanya Phae-araya