วิจารณ์สนั่น "เพชรซี่ ปากปลาร้าหน้าเป๊ะ" สาวสองไลฟ์ขายอาหารช้างออนไลน์ แต่แต่งตัววาบหวิว ทำท่าอนาจารไม่เหมาะสมต่อหน้าช้าง ล่าสุดตำรวจออกหมายเรียกมาสอบปากคำ
วันที่ 15 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่โลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ สำหรับ "เพชรซี่ ปากปลาร้าหน้าเป๊ะ" ที่ทำการไลฟ์สดขายอาหารป้อนช้าง ตะกร้าละ 50 บาท โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมทำบุญและบริจาค โอนเงินเข้าบัญชีในระหว่างไลฟ์ แล้วจากนั้นคนขายก็จะนำอาหารที่เตรียมไว้ ป้อนให้ช้างกินตามจำนวนยอดซื้อ ซึ่งในระหว่างที่ไลฟ์ ก็จะมีการแสดง หรือเอนเตอร์เทนคนดูต่างๆ เพื่อเรียกยอดแชร์ และดูดดึงให้ผู้คนเข้ามาร่วมชมและร่วมซื้ออาหารให้ช้าง
แต่ก็กลายเป็นดราม่าหนัก เมื่อมีการแสดงที่ท่าทางลีลาในลักษณะอนาจารต่อหน้าช้างซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ทำให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากว่าไม่เหมาะสม ท้ังยังกล่าวว่าเป็นการหากินโดยที่ใช้ช้างบังหน้า
...
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปพบนายชาติ หอมเนียม หรือน้องน้ำหวาน อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 64 หมู่ 7 ต.วังเหนือ จ.บุรีรัมย์ เจ้าของช้าง ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวระบุว่า ช้างที่เห็นในภาพเป็นช้างของครอบครัวตน มีจำนวน 3 เชือก มีชื่อ ชะนู๊ด ช้างเพศเมีย อายุ 16 ปี, ชื่อชลิตา เพศเมีย อายุ 13 ปี และชื่อลำดวน เพศเมีย อายุ 40 ปี ปกติช้างทั้ง 3 เชือกจะไปรับจ้างบริการนักท่องเที่ยวอยู่ต่างจังหวัด หลังเกิดวิกฤติโควิด-19 ช้างต้องกลับมาบ้าน แต่เกิดปัญหาเพราะไม่มีเงินมาซื้ออาหารช้าง
จึงคุยกับเพชรซี่ ปากปลาร้าหน้าเป๊ะ ซึ่งมีชื่อเสียงทางโซเชียลมากกว่าตนให้มาไลฟ์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการอนาจาร แค่ต้องการหาเงินซื้ออาหารให้ช้างที่ตกงานในช่วงโรคโควิด-19 ระบาดเท่านั้น ส่วนการทำพิธีสาปแช่งคู่อริต่อหน้าช้าง ก็เป็นเพียงการตอบโต้ที่ถูกกล่าวหาว่า "หากินกับช้าง" เท่านั้น
ขณะที่นายวาสนา อาสาศึก อายุ 29 ปี อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ คนเลี้ยงช้าง กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนเลี้ยงช้าง เท่าที่เห็นภาพ เป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ที่มาเปิดวับๆ แวมๆ แล้วโฆษณาขายอาหารช้าง เสียหายคนเลี้ยงช้างที่เคยปฏิบัติดีมาโดยตลอด
ส่วนใหญ่ผู้คนต้องการลอดท้องช้าง เพื่อเป็นสิริมงคล มากกว่าการกระทำแบบนี้ ยิ่งมีการทำพิธีสาปแช่งต่อหน้าช้างยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง คนโบราณจะไม่พูดแบบนี้ต่อหน้าช้างโดยเด็ดขาด ไม่เคยมีใครทำมาก่อน อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปทำความเข้าใจและสั่งสอนทั้ง 3 คนด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ด้าน พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า หลังทราบข่าวได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบและรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว โดยจะออกหมายเรียกเพื่อมาสอบปากคำก่อน เบื้องต้นพบว่าน่าจะมีความผิดเกี่ยวกับข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาอนาจาร ทั้งนี้จะต้องมีการสอบปากคำผู้ก่อเหตุก่อน.