นายกฯ ชื่นชมเด็กและเยาวชนฯ ดีเด่น ประจำปี 2566 เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นเกียรติประวัติที่งดงามต่อตนเอง-วงศ์ตระกูล ย้ำให้พัฒนาตนเองต่อเนื่อง ตั้งใจศึกษารู้เท่าทันสถานการณ์และเทคโนโลยี โดยมี 2 นักเรียนไทยรัฐวิทยาร่วมด้วย

วันที่ 11 มกราคม 2566 เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำเด็กและเยาวชนดีเด่น และเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีรับพวงมาลัยข้อมือจากผู้แทนเด็กและเยาวชนฯ ก่อนรับฟังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานถึงการนำเด็กและเยาวชนฯ ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 987 คน แบ่งเป็น 1.เด็กและเยาวชนดีเด่นซึ่งได้รับการคัดเลือกจากหน่วยงานต่างๆ รวม 557 คน 2.เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านวิชาการ ด้านศิลปวัฒนธรรมและดนตรี ด้านทักษะฝีมือวิชาชีพ ด้านกีฬาและนันทนาการ และด้านศีลธรรม คุณธรรมและจริยธรรม รวม 225 คน และสมาชิกประเภททีม จำนวน 205 คน

...

โดยมีเด็กและเยาวชนจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยาร่วมด้วย ได้แก่ เด็กหญิงชุติกาญจน์ แก้วลา นักเรียนโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 93 (บ้านลาดตะเคียน) อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เด็กชายนันทกันต์ เผ่าพันธุ์ดำรง นักเรียนโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 99 (บ้านแม่สุยะ) อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้กระทำความดีในด้านต่างๆ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชนในอนาคตและเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนเอง ตลอดจนปลูกฝังให้มีส่วนร่วมในสังคม มีความสามัคคี และเป็นกำลังสำคัญของประเทศ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชนฯ โดยแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสต้อนรับเด็กและเยาวชนฯ ทุกคน พร้อมชื่นชมและเป็นกำลังใจแก่เด็กและเยาวชนฯ ที่ได้รับรางวัลอันน่าภาคภูมิใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกคนได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี มีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถพัฒนาตนเองให้มีความดีพร้อม และได้รับการชื่นชมจากสังคม พร้อมขอให้พัฒนาตนเองยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อเป็นเกียรติประวัติที่งดงามให้กับตนเอง วงศ์ตระกูล รวมทั้งเป็นแบบอย่างให้กับเด็กและเยาวชนคนอื่นๆ ด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงระบบการศึกษาว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะทำให้สังคมและเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและนวัตกรรมที่ทันสมัยมากขึ้น จึงต้องมองภาพรวมของอนาคต ก้าวให้ทันสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสังคม ต้องเตรียมความพร้อมให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทั้งในปัจจุบันและอนาคต มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีภูมิคุ้มกันที่ดี มีวิจารณาญาณ ผ่านกระบวนการเรียนรู้รอบด้านทั้งในและนอกห้องเรียน เพื่อให้มีอนาคตที่ดีและร่วมกันเดินหน้าพัฒนาประเทศในอนาคต

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการปรับทัศนคติของระบบการศึกษาที่นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง โดยการศึกษาไม่ใช่เป็นเพียงแค่การศึกษาเพื่อรู้ แต่ต้องศึกษาจนเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้จริงๆ

ดังนั้นการจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีคุณภาพและมั่นคงได้ ต้องเป็นบุคคลที่มีทักษะหลากหลายใช้กระบวนการเรียนรู้ในการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและรู้เท่าทันเทคโนโลยี และนอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการแล้ว การมีทักษะในการดำเนินชีวิตในสังคมมีความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งทักษะการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น เพราะการมีทักษะชีวิตจะทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างมีความสุข ไม่เป็นภาระของสังคม ดูแลตัวเองได้ และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ โดยเฉพาะในยุคศตวรรษที่ 21 เป็นโลกของนวัตกรรมทางปัญญา การมีความรู้ทักษะหลายๆ อย่างทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง สังคมและสิ่งแวดล้อม ประกอบกัน และการมีทักษะรอบด้าน มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกันทางความคิดนับเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตในสังคม

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความหมายความสำคัญของ คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ที่กล่าวว่า "รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี" เพราะเด็กไทยยุคใหม่จะเป็นความหวังต่อการนำพาประเทศไปสู่อนาคต ดังนั้นเด็กทุกคนจึงต้องรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองในการศึกษา หาความรู้ เพิ่มพูนทักษะ แสวงหาประสบการณ์ที่หลากหลายตามความถนัดและความสนใจอยู่เสมอ รวมทั้งการดำรงตนอย่างมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเอง พ่อแม่ สังคม และประเทศชาติ ต้องใฝ่ความดี มีความโอบอ้อมอารี เป็นคนดีของสังคม และช่วยเหลือผู้อื่นได้ในทุกโอกาส ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างสังคมที่ดีให้กับบ้านเมืองและประเทศชาติก้าวสู่ความยั่งยืนในทุกมิติอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณและชื่นชมกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ที่ได้ร่วมกันดำเนินงานและให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อให้ทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต ให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะทางวิชาการและวิชาชีพต่างๆ อันจะเป็นเป็นกำลังทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ซึ่งเปรียบเด็กทุกคนเป็นผ้าขาวที่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องทำให้ผ้าขาวมีคุณภาพ ด้วยความร่วมมือระหว่างกันของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2566 อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล รวมทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จงคุ้มครองเด็กและเยาวชนของชาติที่รักทุกคนให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่เข้มแข็งมั่นคง และมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เพื่อเป็นเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีอนาคตสดใส เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบของที่ระลึกแก่เด็กและเยาวชนฯ และเด็กชายธนเสฏฐ์ นิฏฐิยานนท์ นักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ตัวแทนเด็กและเยาวชนฯ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี และจะนำคำโอวาทที่ได้ให้ไว้ไปปฏิบัติ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตนเองและส่วนรวมต่อไป

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเดินทักทายและให้กำลังใจพร้อมถ่ายรูปร่วมกับเด็กและเยาวชนฯ ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมเยี่ยมชมของขวัญที่เด็กและเยาวชนฯ นำมามอบให้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีชื่นชมและขอบคุณในความตั้งใจและความปรารถนาดี เช่น ใบไม้สีทอง จากนักเรียนโรงเรียนบ้านเตาปูน จังหวัดยะลา ภาพหลวงปู่ลี จากตัวแทนนักเรียนโรงเรียนอนุบาลลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ภาพวาดรูปนายกรัฐมนตรี จากตัวแทนนักศึกษา วิทยาลัยช่างศิลป์จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น.