ทนายชี้ชัด ปมเก๋งชนยับ "แท่นแบริเออร์ล้ำถนน" สน.และ กทม.ต้องเป็นคนรับผิดชอบ ด้านผู้เสียหายยืนยัน ไม่ต้องการอะไร แต่หวังให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 มกราคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับคุณกร แก้ววิเชียร และทนายเกิดผล แก้วเกิด ในปมแบริเออร์ปูนล้ำเส้นถนน ทำหนุ่มขับเก๋งชนยับ กลับไม่มีหน่วยงานไหนรับผิดชอบ

นายกร แก้ววิเชียร ผู้เสียหาย เผยว่า อาการตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ประมาณ 19.00 น. จะไปทำธุระแถวศิริราช เนื่องจากไม่ชินเส้นทาง จึงขับรถไปตาม google map ซึ่งจีพีเอสให้วิ่งขึ้นสะพาน ในจังหวะที่ขับมาก็เห็นแท่นแบริเออร์ แต่ไม่ทราบว่าตรงหรือไม่ พอขับไปใกล้ๆ ก็พบว่ามีแท่นล้ำออกมา แต่ในจังหวะนั้นก็เฉี่ยวชนไปแล้ว

ตอนนั้นก็หงุดหงิด เพราะมันไม่ควรชน เมื่อแอร์แบ็กทำงาน ก็เริ่มตื่นกลัว เพราะมีควันเกิดขึ้น แต่โชคดีที่กู้ภัยเข้ามาช่วยทัน ซึ่งตนไม่เคยชนหรือเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย แต่เพราะมันไม่แรงมาก ไม่รับบาดเจ็บที่หน้าอก จึงคิดว่าการจัดท่าทางการนั่งที่ถูกต้อง น่าจะช่วยได้เยอะ

...

หลังจากเห็นสภาพรถ ในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร โชคดีที่มีคนเข้าช่วยเหลือได้ทัน จากนั้นก็ได้นำพาวเวอร์แบงก์ไปต่อกับกล้องหน้ารถ พบว่าแบริเออร์ล้ำออกมา จึงนำรถไปแจ้งที่ สน. และตรวจวัดแอลกอฮอล์ ตามที่ประกันแนะนำไว้ เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน

ตนเองเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่รับทราบ เพราะทางเจ้าหน้าที่ดูคลิปเรียบร้อย แล้วมีการติดต่อมาถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบอกว่าจะแก้ไข ซึ่งตนเองก็ได้แจ้งไปอีเมลไปทางเขตด้วย แต่ยังไม่รับคำตอบ หลังจากเกิดเหตุก็ลากไปที่ศูนย์ ได้เริ่มถอดเช็กความเสียหายหลังปีใหม่ ใช้เวลาประมาณเดือนครึ่ง ในระหว่างนี้ก็ต้องเรียกแท็กซี่ไปทำงาน 

ซึ่งทางตำรวจแจ้งว่า จะติดต่อกลับไป หากมีใครมาแจ้งความเรื่องแบริเออร์ชำรุด บอกว่า ถ้าเป็นเอกชนมาแจ้ง ก็ติดต่อไปให้ทางประกันมารับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นของหน่วยงานรัฐ ก็จะโทรเรียกมาเสียค่าปรับ แต่ตนคิดว่าหากมาออกรายการแบบนี้ ยังไงก็คงมีการติดตามดำเนินเรื่องแน่นอน

ทนายเกิดผล แก้วเกิด กล่าวว่า ดูไม่ยากว่าใครต้องรับผิด เพราะคนที่รับผิดชอบมี 2 หน่วยงาน คือคนที่ได้ประโยชน์จากแท่นแบริเออร์ หากตำรวจมาตั้งก็ต้องรับผิดชอบ แต่หากไม่มีเจ้าของ เจ้าของพื้นที่ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าเป็นของหลวงหรือเอกชน ต้องดูว่าใครประมาท หากแบริเออร์เอียงก็ต้องดูว่าใครทำให้เอียง

ซึ่งในส่วนนี้จะปรับคุณกรไม่ได้ เพราะต้องดูคลิปแล้ว จะพบว่ามันเอียงก่อนอีก ไม่ควรผลักภาระให้ประชาชนผิด ต้องตรวจสอบก่อนเห็นกล้องก็จะรู้ ในส่วนนี้ตนคิดว่าประมาทฝ่ายเดียวด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างสิบล้อจอดที่ในที่มืดแล้วมีคนไปชน คนผิดก็ยังเป็นสิบล้อ

แต่นี่แท่นต้องมีไฟส่อง อยู่กลางทางชัดเจน ควรมีการปรับปรุงแก้ไขมากกว่านี้ ซึ่งถ้าเขาเห็น เขาหลบและเบรกได้แน่นอน แต่ประเด็นคือเขาเห็นหรือไม่ว่ามีแท่นโผล่ขึ้นมา ตนมองว่าเขาขับเส้นตรงและชิดแนวซ้าย

ด้านคุณกร เผยต่อว่า ตนขับมามั่นใจว่าไม่เกิน 80 กิโลเมตร ดูตามจีพีเอส เห็นว่าถนนมีการเบี่ยง ตนก็ขับตามเพราะไม่ชินทาง ต่อมามีสายจากตำรวจ สน.บางขุนนนท์ โทรมาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 66 เพื่อมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ตนเองก็บอกว่าขับมาตรงปกติ และได้คุยกันเรื่องแท่นแบริเออร์ ทางตำรวจบอกว่า ตั้งเพื่อกันรถยูเทิร์น คนขับลักไก่ ประมาท ปาดขึ้นคอสะพาน แต่พอถามว่าเป็นของใคร เขาบอกว่าจริงๆ แล้ว สน.ประสานให้สำนักงานเขตนำมาว่าเพื่อป้องกัน

ขณะที่ ทนายเกิดผล กล่าวว่า ตำรวจต้องรับผิดชอบ เพราะใช้ประโยชน์ตรงนี้เป็นหลัก หากตำรวจไม่รับผิดชอบ ทาง กทม.หรือเขตก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นการละเมิดจากการประมาทเลินเล่อ ต้องรับผิดชอบ ดูและตรวจสอบให้ระมัดระวังความปลอดภัย เมื่อไม่ระมัดระวังให้เพียงพอจนเกิดอุบติดเหตุ ก็เป็นการกระทำที่ประทาท

ถ้าหน่วยงานมีระเบียบในการแก้ไขปัญหา ก็ไม่มีการฟ้องร้องอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่มีเลย ต้องฟ้องร้องก่อน จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ระเบียบก่อน และแนะนำคุณกรว่า ถ้าเป็นไปได้ก็แจ้งความหาคนผิดมารับผิดชอบ หากคุณกรถูกแจ้งความ ตนก็พร้อมเป็นทนายให้

สุดท้ายนี้ คุณกรเผยว่า ที่มา ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหาย แต่ถ้าปล่อยไปเชื่อว่าจะมีอีก จึงอยากทำให้เห็นว่าได้จะรับการแก้ไข ไม่ใช่โทษว่าเป็นการแก้ชง หรือโทษตนว่าประมาท แต่ควรดูว่าสถานที่นั้นมันต้องได้มาตรฐานก่อน เพราะในเคสนี้ไม่มีความพร้อมเลย ตนเชื่อว่ามีคนด่าเยอะ แต่ยอมแลกเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงแล้วปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งอยากให้ทุกคนได้เห็น ว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น แต่เคสนี้หากได้รับการเยียวยา ก็ถือโชคดีไป





อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.