แม่เด็กชายวัย 13 ปี แค้นชายใจสาวดึงลูกเข้าไปนั่งตักริมถนน ลั่นหากพบตัวขอตบสักฉาด แจ้งตำรวจจับเอาผิดให้ถึงที่สุด ด้านพลเมืองดี ดีใจที่ตัวเองตัดสินใจช่วยเด็กให้ปลอดภัย

จากกรณีมีผู้ใช้บัญชี TikTok โนบิ โนบิตะ ซึ่งเป็นหนุ่มพนักงานบริษัทขนส่งเอกชนเผยคลิปเข้าช่วยเหลือเด็กชายจากชายปริศนา ที่ริมถนนสายบ้านหนองจิก หนองแวง ไป อ.พระยืน เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายโมงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปพบกับพลเมืองดีรายดังกล่าว ทราบชื่อ นายณัชนนท์ หรือ โนบิ อายุ 24 ปี เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งของให้ชาวบ้าน ที่บ้านหนองจิก ม.5 ต.หนองแวง อ.พระยืน จ.ขอนแก่น ตามหน้าที่ของตนเอง

เมื่อส่งของเสร็จ จึงขี่รถกลับบริษัท ซึ่งอยู่ในเขตพระยืน ก็พบรถจักรยานยนต์ สีแดง ดำ ที่มีข้าวของต่างๆ นานา ห้อยอยู่เต็มรถ คล้ายคนจะอพยพ จอดอยู่ข้างทาง ด้านหน้ารถจักรยานยนต์มีรถจักรยานไฟฟ้าจอดอยู่ และพบเด็กชายวัย 13 ปี ซึ่งเป็นลูกหลานของคนบ้านหนองจิก นั่งอยู่บนตักของชายปริศนา และชายปริศนาก็ใช้มือโอบกอดเด็กชายจากทางด้านหลังเอาไว้ มองแล้วไม่น่าไว้ใจ และลักษณะไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชาย แต่น่าจะเป็นชายใจสาว จึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับ จากนั้นก็ตัดสินใจถ่ายคลิปเอาไว้ และเมื่อจอดรถ จึงตะโกนถามชายปริศนาว่าทำอะไร ชายรายดังกล่าวตอบว่า เด็กมาซื้อรสดีให้ยาย แต่ด้วยความไม่น่าไว้ใจ จึงชวนเด็กชายกลับบ้าน เด็กชายจึงรีบลุกและขี่จักรยานไฟฟ้ากลับบ้านทันที

โนบิ กล่าวอีกว่า ช่วงที่กำลังพาน้องกลับบ้าน สอบถามจนทราบว่า ขณะที่น้องขี่รถไฟฟ้าจะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวในร้านค้าแถวบ้าน ก็ถูกชายปริศนา ขี่รถจักรยานยนต์จี้ท้ายและเมื่อถึงทุ่งนาข้างทาง ก็บังคับให้จอด เมื่อจอดรถ ชายปริศนา จึงดึงน้องเข้าไปนั่งตัก และยังไม่มีการล่วงละเมิดหรือทำอนาจารกับน้องแต่อย่างใด จากนั้นก็ส่งตัวเด็กชายให้กับยาย โดยยายบอกว่า หลานชายขอเงินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแล้วก็หายไป ไม่คิดว่าจะถูกชายปริศนาล่อลวงเอาไว้ ยายจึงโทรศัพท์แจ้งมารดาของเด็กชาย เพื่อจะเข้าแจ้งความให้ตำรวจสืบสวนจับกุมชายปริศนารายดังกล่าวมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

...


ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของเด็กชายรายดังกล่าว ในพื้นที่ อ.พระยืน จ.ขอนแก่น ก็พบเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ซึ่งอาศัยอยู่กับบิดา มารดา และญาติพี่น้อง

จากการสอบถาม นางบี อายุ 44 ปี มารดาของเด็กชายเอ เปิดเผยทั้งน้ำตา ว่า น้องเออาศัยอยู่ที่บ้านพักใน อ.พระยืน จ.ขอนแก่นกับยายและเรียนหนังสือที่ในเมืองขอนแก่น ส่วนพ่อแม่อยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีชื่อว่าโนบิ ว่า ได้ช่วยเหลือน้องเอจากชายปริศนา ซึ่งเชื่อว่าเป็นชายใจสาว อายุประมาณ 35-40 ปี ที่ข้างทาง ริมถนนสายหนองจิกไปพระยืน แล้วพามาส่งที่บ้าน จึงทำให้รู้ว่าเกิดปัญหากับลูกชาย จึงบอกให้ยายไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และให้ยายไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.พระยืน

นางบี กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับน้องเอ ลูกชาย ทราบว่า ช่วงบ่ายได้ขี่รถจักรยานไฟฟ้าไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอาหารตามสั่งริมถนนใหญ่ ห่างจากบ้านพักไปประมาณ 300 เมตร ซึ่งเป็นการไปซื้อของกินตามปกติ แต่เมื่อถึงร้านขายอาหารพบว่าลูกค้ารอคิวจำนวนมาก น้องเอ จึงขี่รถไปซื้อน้ำปั่นที่ห่างออกไปอีก และช่วงเวลาดังกล่าว ชายปริศนาที่สงสัยว่าเป็นชายใจสาว ขี่รถจักรยานยนต์สีแดงเข้ามาประกบ พร้อมกับถามว่าจะไปไหน และบอกให้น้องเอจอดรถ น้องเอจึงจอดรถ แล้วชายคนดังกล่าวก็ถามถึงพ่อแม่ ถามว่าอยู่กับใคร ลักษณะเหมือนผู้ใหญ่จะถามทางจากเด็ก ในขณะเดียวกันก็จอดรถ และบอกให้น้องเอจอดรถด้วย เมื่อจอดรถสนิทชายปริศนาก็ดึงแขนลูกชายไปนั่งตัก ลูบคลำไปทั่ว และเป็นจังหวะที่พลเมืองดีมาพบและช่วยน้องเอออกมาได้

“ลูกชายบอกว่า พยายามจะลุกหนี ก็ถูกกะเทยดึงแขนและดึงเข้าไปกอดเอาไว้ จนพลเมืองดีผ่านมาเห็นมาช่วยไว้ จึงปลอดภัย ทำให้คิดได้ว่ากะเทยรายนี้ไม่ประสงค์ดีกับลูก และไม่รู้ว่าจะก่อเหตุกับใครอีก ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายตามมาหรือไม่ นี่โชคดีที่พลเมืองดีมาพบลูกจึงปลอดภัย”

นางบี กล่าวต่ออีกว่า เมื่อรู้รายละเอียดจากลูก ได้บอกตำรวจว่า ขอเจอชายใจสาวใกล้ๆ แล้วขอตบสักฉาด และยอมเสียค่าปรับตามกฎหมาย เพราะแค้นใจมาก ยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งหลังตำรวจทราบรายละเอียดก็มีการตรวจสอบพบว่า ชายปริศนานั้นจริงๆ เป็นชายใจสาว ที่มีที่อยู่ตามบัตรประชาชนเป็นชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น แต่เร่ร่อนไปทั่ว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้าน จึงร้องขอให้ตำรวจตามตัวให้เจอและสามารถเอาผิดในข้อหาใดได้ก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

และขณะนี้ ลูกชายขอร้องให้ไปพบครู อาจารย์ที่โรงเรียน เพื่อขอลาพัก หยุดเรียนเอาไว้ เพราะน้องเอกลัวว่า ถ้าไปเรียนหนังสือกลัวครูอาจารย์ถามและกลัวเพื่อนล้อเลียน จึงยังไม่อยากไปเรียน ซึ่งก็ต้องทำตามคำขอของลูกเพราะตอนนี้จิตใจลูกแย่และกลัวมาก