เปิดปาก "หมอสอง" เล่าช่วงถูกจับเรียกค่าไถ่ ต้องทุกข์ทรมานจิตใจ ความรู้สึกตอนนี้ยังไม่ 100% เตรียมปรึกษาจิตแพทย์ เพราะความรู้สึกช่วงที่อยู่ในนั้นมันหนักจริงๆ
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 27 ต.ค. 2565 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ "หมอสอง" นพรัตน์ รัตนวราห หมอศัลยกรรมชื่อดัง หลังถูกจับทรมาน-เรียกค่าไถ่ 5.7 ล้านบาท หวิดไม่รอดขณะท่องเที่ยวอยู่ในประเทศมาลี
25 วันอันตรายในต่างแดน
สาเหตุที่ออกมาพูด เพราะมีข่าวมากมายที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงจนเข้าใจผิด เชื่อว่าหลายท่านอยากทราบเรื่องว่าเป็นมายังไง จึงต้องมาพูดโดยหวังว่าเรื่องราวของตนจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ส่วนความรู้สึกตอนนี้ยังไม่ 100% ก่อนหน้านี้อาจจะน้ำตาไหลได้ตลอดเวลา ตอนนี้ที่เห็นตนยิ้มเพราะอารมณ์ค่อนข้างจะนิ่ง แต่ในส่วนลึกยังมีความรู้สึกไม่ดีอยู่ จริงๆ ความรู้สึกเริ่มดีขึ้นตอนเป็นอิสระ แต่ตั้งใจว่าถ้าออกมาได้จะไปปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อให้เขาตรวจเช็กรายละเอียด เพราะความรู้สึกช่วงที่อยู่ในนั้นมันหนักจริงๆ
...
ในข่าวบอกว่ามีถูกยิง มีรอยกระสุน แต่จริงๆ ไม่ใช่ ตอนที่ตนเข้าไปไม่มีการทรมานใดๆ กับร่างกายเลย แต่ทรมานจิตใจเพราะถูกกักขัง โดยที่เราไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ต้องอยู่นานเท่าไร คือต้องรอไปวันๆ โดยแต่ละวันที่ผ่านไปเราก็นึกถึงคนข้างนอก เพราะเขาคงทุกข์ทรมานไม่แพ้กัน
รวมทั้งข่าวที่บอกว่า ตนไปแบบแบ็กแพ็ก ไปเองเจอไกด์ผีหลอก ซึ่งก็ไม่ใช่ เพราะการไปเที่ยวทุกครั้งคำนึงถึงความปลอดภัยเสมอ ตนไปกับบริษัททัวร์ที่ถูกต้อง ซึ่งใช้บริการมาแล้ว 3-4 ครั้ง ไว้ใจเพราะจัดทัวร์ให้ตนได้ไม่มีปัญหา และทุกครั้งจะย้ำว่าต้องปลอดภัยถ้าไม่ปลอดภัยตนจะไม่ไปนะ แม้กระทั่งวันที่คุยเรื่องโปรแกรมกันก็จะถามย้ำว่าปลอดภัยไหม ซึ่งตนไม่ได้ไปแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ยอมรับว่าพลาดเองด้วย ตรงที่ไม่ได้ศึกษาเอง เพราะวันๆ เอาแต่ผ่าตัดเลยใช้เงินแก้ปัญหาให้เขาจัดการทุกอย่างให้
สำหรับจุดเริ่มต้น คือตนทำเพจ หมอสองท่องโลก แม้อาชีพจะเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่ง แต่ก็รักในการท่องเที่ยวมากๆ ซึ่งตนเที่ยวมาเยอะมากๆ และมีเป้าหมายคืออยากเที่ยวครบทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้นการที่คนสงสัยว่าตนไปประเทศนี้ทำไม เพราะมันอยู่ในลิสต์ของตนประมาณ 198 ประเทศ ซึ่งตอนนี้ไปมาแล้วประมาณ 190 ประเทศ ทำให้เหลือประเทศที่ยังค้างอยู่ ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่ไปยาก ฉะนั้นจึงศึกษาก่อนไป ครั้งนี้เริ่มเดินทาง 12 ก.ย. จากอัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, ชาด, ไนเจอร์, บูร์กินาฟาโซ, และ มาลี ซึ่งมันเกิดปัญหาตรงนี้
ทางด้าน รินทร์ณฐา อัจฉริยวัฒนกุล หรือ เฟรนช์ฟราย แฟนหมอสอง เผยว่า รู้ว่าหมอสองจะไปที่ไหน ก็กังวลมาก พยายามถามว่าชัวร์ไหม ปลอดภัยหรือเปล่า เพราะรู้ข้อมูลเบื้องต้นว่ามีอะไรที่น่ากังวล และเชื่อมั่นในความที่เขาเที่ยวเยอะกว่าเราเลยมองว่าเชื่อถือได้ จึงพยายามติดต่อเขาตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง
จุดเกิดเหตุคือกำลังจะข้ามแดนจาก บูร์กินาฟาโซ เข้า มาลี ตอนนั้นในรถมีคนขับ ไกด์ ซึ่งเป็นคนบูร์กินาฟาโซทั้งคู่ เป็นไพรเวททริป ช่วงที่กำลังเดินทางขณะที่หลับก็ได้ยิงเสียง ปัง ปัง ตนก็ตื่นแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไกด์บอกเขายิง ซึ่งตนไม่ทราบเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เพราะหลับ ซึ่งรถก็ยังแล่นต่อไปได้แต่มีปัญหาเรื่องของคันเร่ง พอไปได้อีกนิดก็เจอ 2 คนยืนถือปืนเล็งมา ทำให้คนรถต้องชะลอ พร้อมบอกให้วกรถกลับไป
จากนั้นเหมือนในหนัง พอเปิดประตูรถลงไปก็มีคนถือปืนวิ่งเข้ามารุมประมาณ 6 คน ได้ตะโกนแต่เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง ไกด์ก็บอกเราเป็นภาษาอังกฤษให้นั่งลงคุกเข่าอยู่บนถนน ซึ่งตอนนั้นไม่มีรถสักคัน มีรถเราเพียงคันเดียว หลังจากนั้นก็เอาผ้ามาโพกตาแล้วเอามือไขว้หลัง พยายามคิดว่านี้คือความฝันไม่ใช่ความจริง เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเรา และคิดในใจว่าไม่ปล้นก็ลักพาตัว แล้วก็พาตนไปที่ไหนไม่รู้ พอเปิดตามาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในป่า หลังจากนั้นพวกเขาก็ยึดโทรศัพท์มือถือ ไกด์ก็บอกว่าให้ทำตามอย่าขัดขืน ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหา
วันที่เกิดเหตุคือ 28 ก.ย. ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เขาบอกเพียงว่าไม่รู้ว่าเราคือคนที่พวกเขาตามหาหรือเปล่า หลังจากนั้นเขาบอกว่าเราจะต้องไปเจอหัวหน้าเขา โดยพาขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปในความมืด ไม่สามารถตะโกนขอความช่วยเหลือใครได้เพราะเขาเป็นพวกเดียวกัน นั่งอยู่หลังบนรถมอเตอร์ไซค์ประมาณ 8 ชั่วโมง โดยเขาให้ตนไปพักในเต็นท์ เมื่อพวกเขาหลับตนจึงเดินออกมาเพื่อหลบหนีออกไป ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงบ่ายๆ รู้สึกว่ามาไกลได้ 8 กิโลเมตร แล้วขอความช่วยเหลือจากคนที่เจอสรุปเขาเป็นพวกเดียวกัน ก็โทรแจ้งพวกนั้นให้ตามมาจับ
หลังจากนั้น พอเขาจับตัวเราได้คิดว่าจะต้องถูกทำร้ายแน่เลย แต่สรุปแล้วไม่ทำร้าย พอกลับมาถึงที่พักก็ถูกใส่กุญแจมือ 2 ข้าง ส่วนเท้า 2 ข้างถูกใส่ตรวน เพราะกลัวหนี ตอนนอนทรมานมาก พออยู่มาเรื่อยๆ สิ่งที่เราไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง
วันที่โทรหาเฟรนช์ฟราย คือวันที่ 18 เข้า 19 ต.ค. ผ่านมาแล้วประมาณ 21 วัน สำหรับอาหารที่เขาหามาให้ คือเป็นอาหารที่ดีที่สุดให้ตน คือมีข้าวที่ต้มมาแบบเละๆ หน่อย ตนจะได้กินดีกว่าคนอื่นหน่อย ถ้าตนได้ปลา 5 ชิ้น คนอื่นจะได้ 2-3 ชิ้น บางวันก็เป็นไก่ เป็นเนื้อ ซึ่งจะได้กินโปรตีนวันละ 1 มื้อ บางวันถ้าพวกเขาไม่ได้ซื้อมาก็จะต้องกินข้าวเปล่าทั้งวัน ซึ่งก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นก็ฝืนกินเพื่อให้มีพลังงาน ทุกวันก็ต้องโฟกัสสมองว่าไม่ให้เครียดเกินไป แม้ว่าจะไม่รู้อะไรเลย ส่วนน้ำที่ให้กินเป็นน้ำกรอง แต่ถ้าบางวันหมดก็จะต้องกินน้ำบ่อ ซึ่งจะมีกลิ่นน้ำมันหน่อยๆ
ช่วงเวลาที่อยู่ในนั้นก็เครียด เพราะเขาไม่พูดว่าจะเอายังไง ต้องการอะไร คนที่เป็นหัวหน้าก็ไม่ได้มาทุกวัน เราก็อยู่กับพวกเด็กๆ คนที่ดูแลเรา ค่อยมาทำให้เราสบายใจ แม้จะพยายามถามก็ไม่บอก เพราะพวกเด็กๆ จะไม่รู้อะไรเลย ในใจคิดว่า จะรอดออกไปไหม ในช่วงนั้นต้องบอกว่าเครียดสุดๆ ถ้าใครไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ จะนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร อิสระมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และต้องพยายามโฟกัสตัวเองให้อยู่ให้ได้ ทั้งสวดมนต์ กราบพระ อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมในเวร ทำทุกอย่างเพื่อนให้จิตใจเราสบาย
เฟรนช์ฟราย เผยต่อว่า ปกติติดต่อกันตลอด แต่รู้สึกแปลกใจตั้งแต่วันที่ 28 แล้วตอนประมาณตี 1 เพราะปกติหมอจะติดต่อมาโดยตลอด แม้จะไม่มีอินเทอร์เน็ตก็จะขอจากคนอื่น ซึ่งตอนนั้นพยายามมองในแง่ดีว่ามันไม่มีสัญญาณ ก็รอจนถึงเวลามันก็แปลกตรงที่เขาไม่ติดต่อมา จึงติดต่อไปที่ทัวร์สรุปไม่มี พยายามประสานทัวร์ให้ไปดูตามเส้นทางที่หมอสองไป พอติดต่อไม่ได้ประมาณ 2 วัน เริ่มหนักใจ พยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติ และคิดไปทางที่ดี มีความหวังทุกวันว่าพี่เขาจะติดต่อมา
สุดท้ายหมอสองติดต่อกลับมาวันที่ 18 ต.ค. จากนั้นก็ใช้เวลา 3 วันในการประสาน โดยทำเพื่อให้หมอสองออกมาอย่างปลอดภัยที่สุด เสี่ยงน้อยที่สุด เป็นโจทย์ ณ ตอนนั้น ต้องเก็บความลับเพื่อให้หมอสองได้ออกมา.
อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.