อันตราย หนุ่มรีวิวที่พักบนเขา ก้าวออกจากห้องพื้นแตก ทะลุลงไปทั้งขา แต่รีสอร์ตขอเยียวยา 3,000 อ้างเป็นโฮมสเตย์เล็ก ยันไม่ต้องการเงิน แค่ข้องใจเหตุไม่ให้กู้ภัยขึ้นไปช่วย
วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความแชร์ประสบการณ์ ประสบอุบัติเหตุหน้าห้องพัก ของรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ที่ภูทับเบิก โดยระบุข้อความว่า "ผมคนนึงที่ชอบและหลงรักภูทับเบิก วันนี้จะขอมาแชร์ประสบการณ์อุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นหน้าห้องพักที่ภูทับเบิก เราจองกันมาทั้ง 3 ห้อง รวม 5,200 เมื่อวันที่ 13/10/65 มัดจำไปแล้วครึ่งนึง ทางผมเป็นผู้ชำระโอน
เช้าวันที่ 14/10/65 ปกติผมชอบเอากาแฟมาดริปหน้าห้อง พอเดินที่พื้นเพียงก้าวเดียว พื้นแตกทำให้ขาหลุดลงไปหนีบและขูด ทำให้เกิดแผลที่ขา 2 บริเวณ ใต้หัวเข่า หน้าแข้ง ผิวหนังชั้นนอกถลอก เปิด หลุด ขาด เนื้อปูดเท่าลูกเทนนิสทั้ง 2 ที่ กระดูกไม่หัก ไม่ทะลุ พอขยับได้ ตอนเกิดเหตุ ทางที่พักได้ให้อาสามาทำบาดแผลให้เบื้องต้น เพื่อให้ลงไปด้านล่างได้ (ที่พักแจ้งว่ารถโรงพยาบาล และมูลนิธิ ไม่สามารถขึ้นมาได้
...
หลังเกิดเหตุ ทางที่พักได้เรียกเก็บค่าที่พักส่วนที่เหลือ กับค่าบริการเพิ่ม (ค่าน้ำแข็ง ค่าถ่าน ค่าข้าว ประมาณ 300) กับเพื่อนอีกห้องนึง ไม่มาเรียกเก็บกับทางผม ทางที่พักได้แจ้งว่า ค่ารักษาเท่าไรให้ส่งมาได้เลย จะช่วยเหลือเต็มที่ จึงรอให้แผลที่ปูดขึ้นค่อยๆ ยุบลง และฝืนขับลงมา แผลมีเลือดซึมแต่ไม่มาก ผมยังมึนๆ เบลอๆ เลยให้แฟนขับกลับกรุงเทพถึงค่ำ เลยล้างแผลกันเองก่อน
เช้ารุ่งขึ้น 15/10/65 ได้ไปโรงพยาบาล คุณหมอทำการล้างบาดแผล ขูดผิวหนังที่ตายออก และเย็บเนื้อที่หลุดห้อย (ประมาณ 3 ตร.ซ.) 6 เข็ม ฉีดยาบาดทะยัก 1 เข็ม คุณหมอให้หยุดพัก 5 วัน ค่ารักษาหมดไป 8,727 ต้องล้างแผลทุกวัน วันละ 400 เป็นเวลา 7 วัน ถึงจะตัดไหม ตัดไหมอีกประมาณ 3,000-4,000 บาท
ประเด็นคือ 14-15 ที่พักมีถามถึงอาการว่าเป็นยังไงบ้าง วันที่ 15 ได้ส่งใบเสร็จไปให้ที่พักช่วงเที่ยง แต่ที่พักแจ้งว่าจะโทรกลับมาช่วงเย็น แต่ก็ไม่ได้โทรกลับ โดยให้เหตุว่าลูกค้าเยอะ วันที่ 16 จึงได้เรียกร้องค่าเสียหายไป 10,000 บาท จากทั้งสิ้นประมาณ 15,000 บาท
ที่พักแจ้งว่ารอลูกค้าเช็คเอ้าท์ให้หมดเสียก่อน หลังจากนั้น ทางที่พักขอชดใช้ที่ 3,000 บาท โดยให้เหตุว่าทางที่พักเป็นเพียงโฮมสเตย์เล็กๆ ดังนั้น ทางผมเลยไม่ขอรับไว้ ซึ่งค่าเสียหายทั้งหมด รวมถึงค่าชดเชยทางผมจะให้ทางทนายส่วนตัวดำเนินการ
ที่ให้ทางทนายดำเนินการ เห็นว่าทางที่พักบ่ายเบี่ยงประวิงเวลา ตั้งแต่วันที่ 15 ที่อ้างว่าลูกค้าเยอะ ต้องรอเช็คอินเช็คเอ้าท์ให้หมดเสียก่อนถึงจะว่าง (ที่พักมี 5-6 ห้อง) พอแจ้งค่าเสียหายไปย้อนแย้งว่าเป็นโฮมสเตย์เล็ก ประมาณว่าลูกค้าน้อย
ทั้งนี้ เจ้าของโพสต์ยังสอบถามความเห็นของโซเชียลเพิ่มเติมว่า ตนสามารถส่งเรื่องให้ตรวจสอบวัสดุในการสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานของที่พักที่ไหนได้บ้าง เพราะอันตรายต่อผู้เข้าพักต่อไปแน่นอน เนื่องจากที่พักได้นำแผ่นสมาร์ทบอร์ดขนาด 10 มม. ที่ใช้สำหรับปูฝ้า ผนัง มาปูที่พื้น และไม่มีเหล็กดามทุกจุด ซึ่งแผ่นแบบนี้จะเกิดอาการกรอบ แตกหักง่าย เมื่อเจอความชื้นและแห้งซ้ำไปมา
ถามว่าอุบัติเหตุมีใครอยากให้เกิดไหม ก็คงไม่ โดยเฉพาะกับหน้าห้องที่พักเอง ซึ่งอยู่บนเนินสูง หากคิดว่าถ้าเกิดร่วงหล่นไปทั้งตัว และเป็นบริเวณหน้าผา จะเกิดอะไรขึ้น เพียงเพราะการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน และการขาดความรับผิดชอบ
ถ้าเกิดเหตุ ตนลื่นล้มเองที่เนินบันได หรือกลางทางเดินว่าไปอย่าง แต่นี้พื้นคือเขตหน้าห้อง ซึ่งควรเป็นพื้นที่ที่เราไว้ใจ และต้องปลอดภัย หากเกิดกับลูกหลาน หรือคนเฒ่าคนแก่ หรือเกิดเหตุที่ร้ายแรงมากกว่านี้ ใครจะรับผิดชอบ หรือทางที่พักจะรับผิดชอบไหวไหม
ต่อมา กู้ภัยสว่างมงคลศรัทธาธรรมสถาน จ.เพชรบูรณ์ ได้มาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ระบุว่า วันนั้นได้รับแจ้งเมื่อช่วงเช้า ทางศูนย์รับแจ้งเหตุของหน่วยก็สั่งออกทันที หน่วยได้ส่งรถไป 2 คัน ระหว่างทางประสานทางผู้บาดเจ็บ และญาติ ยืนยันว่าจะนำส่งเอง วันนั้นทางเราจึงไม่ได้ไปดำเนินการต่อ ทางหน่วยกู้ภัยสว่างมงคลศรัทธา ยืนยันว่าถ้าหากมีอุบัติเหตุ หรือผู้ป่วยผู้บาดเจ็บอย่างไรบนยอดภูทับเบิก เรายืนยันว่าพร้อมที่จะปฏิบัติการ และให้การช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง หากมีการร้องขอมาจริงๆ
แต่ในการปฏิบัติการอาจจะมีความล่าช้า เนื่องจากเป็นภูเขาสูง และวันนั้นรถค่อนข้างเยอะ มีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก ขอแสดงความเสียใจที่ล่าช้า แต่ยืนยันว่ารับแจ้งมา ก็ออกทันที ซึ่งเจ้าของโพสต์ได้ตอบกลับว่า ที่พักแจ้ง ว่าทางกู้ภัยหรือ รพ. ไม่สามารถขึ้นมาได้ ต้องไปรอด้านล่าง
จากการสอบถามหนุ่มเจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่า ตนไม่ขอรับเงินที่จะช่วยเหลือ 3,000 เพราะไม่ได้สนใจเรื่องเงิน แต่อยากให้ตรวจสอบการก่อสร้าง และเหตุผลที่ไม่ให้รถมูลนิธิขึ้นไปที่เกิดอุบัติเหตุเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางที่พักคู่กรณียังไม่ได้ออกมาชี้แจง หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะรายงานข่าวให้ทราบต่อไป.
ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก