โรงเรียนชี้แจงเหตุผล กรณีเด็ก ป.3 ไม่ได้เข้าห้องสอบเพราะค้างค่าเทอม เผย ไม่เคยมีนโยบายดังกล่าว ด้านผู้ปกครองเข้าใจ พร้อมขอโทษ บอก เป็นการสื่อสารผิดพลาด
วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อโลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่เผยภาพเด็กนักเรียก พร้อมระบุว่า "น่าสงสารหลานสาวเรียน ป.3 วันนี้ต้องเดินออกจากห้องทั้งน้ำตา ครูไม่ให้สอบเพราะค้างค่าเทอม คุณแม่ขอร้องว่าเย็นนี้จะหาตังไปจ่ายให้แต่บอกว่าหาตังมาจ่ายค่อยมาสอบ เด็กจำใจต้องเดินออกจากห้องทั้งน้ำตา"
ต่อมา ทางผู้บริหารโรงเรียนชี้แจงให้ผู้ปกครอง โดยระบุข้อความว่า "เนื่องจากการทวงค่าเทอมของโรงเรียนในช่วงนี้ อาจทำให้กระทบผู้ปกครองหลายท่าน แต่ทางโรงเรียนได้แจ้งเตือนหลายครั้ง แล้วผู้ปกครองยังไม่เข้ามาติดต่อกับทางโรงเรียน ทำให้ทางโรงเรียนเกิดปัญหา ในการบริหารค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แม้กระทั่งเงินเดือนครู ซึ่งต้องจ่ายครูทุกดือน ครูก็ต้องกินต้องใช้ และรายได้หลักของโรงเรียนมาจากค่าเทอม
...
โดยเฉพาะในช่วง "โควิด" เราก็ยังมีค่าใช้จ่ายเท่าเดิม จึงขอความเห็นใจจากท่านในการชำระ และเข้ามาผ่อนชำระ บางท่าน 3-4 ปี ไม่เคยจ่าย บางท่านมาจ่ายแค่เทอมเดียว แต่นักเรียนสามารถเรียนได้ โดยโรงเรียนไม่ได้ทำอะไรเด็กเลย ขอความกรุณาโรงเรียนก็เห็นใจผู้ปกครอง แต่ก็ขอให้ผู้ปกครองเข้าใจโรงเรียนด้วย ไม่ใช่ความผิดของโรงเรียน แต่เป็นความรับผิดชอบที่ผู้ปกครอง ต้องช่วยให้ความยุติธรรมกับโรงเรียนด้วย
ถ้าโรงเรียนใจร้าย น้องคงติดค้างค่าเทอมคนละหลายๆ หมื่นไม่ได้ ซึ่งค่าเทอมของเราไม่ได้แพงเลย แค่ 2 พันกว่าบาทต่อเทอม แต่บางท่านก็ยังติดหลายๆปี ขอความกรุณาอย่าทำร้ายโรงเรียน เช่นกัน และขอขอบพระคุณท่านที่เข้าใจ และมาชำระตามข้อตกลงของทางโรงเรียน จึงเรียนมาเพื่อขอความเห็นใจ"
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบกับคณะผู้บริหารของโรงเรียน ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าว ได้เข้าร่วมพูดคุยถึงปัญหาและสาเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้ได้ทราบข้อสรุปว่า อาจเกิดจากการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจผิด ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และจบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย
จากการสอบถาม นายนิพนธ์ ดีคง อายุ 53 ปี ผู้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าของวันที่ 10 ตุลาคม ตนได้รับแจ้งจากแม่เด็กว่าให้มารับหลานกลับบ้าน หลังจากที่เข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ห้องธุรการ เรื่องการผ่อนผันจ่ายค่าเทอม ซึ่งทางโรงเรียนแจ้งว่า "ถ้ายังไม่มีเงินมาชำระ ให้มาสอบใหม่ในวันพรุ่งนี้"
เมื่อทราบเรื่อง ตนจึงรีบมารับหลานทันที พร้อมกับแจ้งห้องธุรการว่า จะรับเด็กกลับบ้าน จากนั้นก็เห็นหลานเดินร้องไห้ลงมาจากอาคารชั้นเรียน ทำให้รู้สึกและร้องไห้ตามไปด้วย จึงได้โพสต์เฟซบุ๊กเพื่อสอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่หลังจากพูดคุยอยู่ประมาณ 30 นาที ผลปรากฏว่ามีการเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการไม่ให้เข้าห้องสอบ
ซึ่งทางโรงเรียนมีนโยบายทวงถามค่าเทอมอยู่แล้ว แต่นโยบายที่ไม่ให้เด็กเข้าห้องสอบ ไม่เคยมี เป็นเพียงคำทวงของทางโรงเรียนเท่านั้น จึงเข้าใจและกราบขอโทษทางโรงเรียน และที่ทำไปเพราะเกิดความหวาดระแวงในช่วงขณะนั้นว่า หลานของตนจะน้อยใจ แต่เบื้องต้นสภาพจิตใจของเด็กหลังได้เข้าห้องสอบแล้วก็มีท่าทีร่าเริงปกติ
ด้าน ดร.นเรศ บุญช่วย อายุ 71 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากเห็นข้อมูลในการโพสต์เฟซบุ๊กของผู้ปกครอง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สอบถามไปยังครูประจำชั้นและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ยอมรับว่ามีการทวงถามเรื่องค่าเทอมจริง แต่ไม่มีการสั่งไม่ให้เด็กเข้าห้องสอบโดยเด็ดขาด ซึ่งอาจจะเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้ปกครอง แต่ทางโรงเรียนเข้าใจในความคิดของผู้ปกครอง และจะนำข้อมูลครั้งนี้ไปปรับปรุงเพื่อเป็นนโยบายต่อไป
ขณะที่ ดร.ศิริลักษณ์ รักษาทรัพย์ ผู้จัดการโรงเรียน ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้ก่อตั้ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ทางโรงเรียนไม่เคยมีนโยบายเกี่ยวกับการไม่ให้เด็กเข้าห้องสอบโดยเด็ดขาด แต่ที่กล่าวแบบนั้นไปเป็นเพียงการทวงถามเกี่ยวกับค่าเทอมของเด็กเท่านั้น
ซึ่งทางโรงเรียนประสบปัญหาผู้ปกครองค้างชำระค่าเล่าเรียนในแต่ละเทอมเป็นเงินจำนวนมาก และได้ทวงถามผู้ปกครองแบบนี้ทุกคน แต่ยืนยันว่าไม่มีการที่จะไม่ให้เด็กเข้าสอบเด็ดขาด พร้อมกับวอนไปถึงกระทรวงศึกษาธิการให้มารับทราบถึงปัญหาของโรงเรียนเอกชน ซึ่งตนเชื่อว่ายังมีโรงเรียนเอกชนอื่นๆ ที่ประสบปัญหาแบบนี้ด้วยเช่นกัน.