หมอวิน คลายข้อสงสัย ทำไมคุณแม่หลังคลอดยังอ้วน ทั้งๆ ที่ลูกออกมาแล้ว แนะวิธีลดสุดเบสิก เตือนเลิกให้นมแม่เร็วเกินไป น้ำหนักยิ่งพุ่งง่าย
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 65 ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ หรือ หมอวิน แพทย์เด็กด้านโลหิตวิทยา และมะเร็งในเด็ก เจ้าของเพจ "เลี้ยงลูกตามใจหมอ" ได้โพสต์ข้อความคลายความสงสัยให้คุณแม่หลังคลอด ที่ยังพบว่า ทำไมตัวเองยังอ้วน ทั้งๆ ที่ลูกออกมาแล้ว
โดย หมอวิน อธิบายว่า ยามที่เราท้อง โดยเฉลี่ยแล้วนั้นน้ำหนักจะขึ้นอยู่ประมาณ 11-16 กก. และแน่นอนว่าอยู่ที่ลูกเพียง 3-4 กก. เท่านั้น (ลูกประมาณ 3 และรกอีกสักครึ่งขีด) ที่เหลือคือไขมัน และ การบวมน้ำ จากการตั้งท้องล้วนๆ ท่องเอาไว้ดังๆ ว่าที่น้ำหนักขึ้นนี่ ทำเพื่อลูกล้วนๆ ไม่ใช่เพราะแม่นั้นตามใจปากแต่อย่างไร
นั่นหมายความว่า ลูกเกิดออกมาแล้ว น้ำหนักจะยังอยู่กับแม่อีกร่วม 10 กก. บางคนอาจค้างถึง 13-15 กก. ถ้าน้ำหนักขึ้นเยอะเกินระหว่างตั้งท้อง เพราะนั่นอาจเป็นการเตรียมพร้อมร่างกายของแม่หลังคลอด ไขมันที่สะสมระหว่างการตั้งครรภ์ก็คือ "พลังงานที่ถูกสะสม" ไว้ เตรียมการเพื่อใช้การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บาดแผลที่เกิดจากการคลอด และที่สำคัญก็คือ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นั่นเอง
ดังนั้นเมื่อเข้าสู่สมดุลใหม่หลังลูกเกิด แผลต่างๆ ค่อยๆ ซ่อมแซมตัวเองไป ฝีเย็บแห้ง (หรือแผลผ่าตัดที่มดลูกและผิวหนังสมาน) มดลูกเข้าอู่ และเริ่มเส้นทางสายนมแม่ได้ดีประมาณหนึ่ง น้ำนมเริ่มไหลออกมาดี และร่างกายเริ่มขับน้ำส่วนเกินที่เกิดขึ้นตอนท้องออกไป น้ำหนักของคุณแม่หลังคลอดก็จะค่อยๆ ลดลงจนกลับสู่ภาวะปกติ
แต่ที่หลายคนก็ยังอ้วนอยู่ ก็เป็นเพราะคุณอ้วน โดยคนคนหนึ่งจะอ้วนได้ขึ้นกับ 2 ปัจจัยหลัก คือ กินเกินใช้ และระบบเผาผลาญพัง ซึ่งเกิดได้ง่ายมากๆ ในหญิงตั้งครรภ์
การกินเกินใช้ หลายคนยังกินโหดเหมือนโกรธใครมาเฉกเช่นเดียวกับตอนตั้งท้อง ยิ่งต้องดูแลลูกก็ยิ่งหิว บางคนยิ่งเหนื่อยก็ยิ่งหิว กำลังกายก็ไม่ได้ออก มากสุดก็อุ้มลูกเดินไปมา ซึ่งมันใช้พลังงานไม่ได้มากเท่าที่เราคิด ขนมนมเนยของหวาน น้ำผลไม้ หลายคนกินตลอดเวลา
ที่เจอบ่อยไม่แพ้กันก็คือ เลิกให้นมแม่เร็วเกินไป ยิ่งเลิกเร็วน้ำหนักจะยิ่งพุ่งง่าย เพราะการให้นมแม่คือวิธีการลดน้ำหนักชั้นดี เนื่องจากร่างกายจะเสียพลังงานไปจากร่างกายอย่างน้อย 500-800 แคลอรี/วัน จากการให้นม มีการศึกษาในคุณแม่ชาวดัตช์ที่ให้นมบุตร พบว่า ที่อายุลูก 5-13 สัปดาห์ มารดาเสียพลังงานไปจากการให้นมราว 630 แคลอรี แต่เขาแนะนำให้แม่ให้นมกินเพิ่มจากปกติเพียง 300-400 แคลอรีต่อวันเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุว่ายิ่งให้นมแม่ยิ่งผอมง่ายกว่า เข้าน้อยกว่าออก แต่หากกินโหดมากๆ บางทีน้ำหนักก็ยังพุ่งได้ครับ
สอง ระบบเผาผลาญพัง เพราะนอนน้อย เรียกได้ว่าบางคนจะอึยังไม่ค่อยมีเวลา ยิ่งผสมโรงกับลูกที่พื้นอารมณ์ยากร้องไห้เยอะอีก กินก็ไม่เป็นเวลา อาหารเช้าก็มักไม่ได้กิน กินก็เป็นกินจุบจิบไม่ได้กินเป็นมื้อ นอนก็ไม่พอ นาฬิกาชีวิตพัง ง่วงๆ เบลอๆ เหล่านี้ทำให้ระบบเผาผลาญเพี้ยนไปจากเดิม คุณแม่บางคนบอกว่า "กินก็ไม่ค่อยได้กินนะหมอ เหมือนหายใจแล้วอ้วน"
ดังนั้นหากไม่อยากเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนหลังมีลูก ก็จงพยายามกินให้ดี นอนให้พอพัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เอาลูกแบกแล้วออกเดินรอบบ้านก็ได้ เพื่อนพ่อหมอบางคนอุ้มเดินขึ้นลงบันไดไปมาจนครบ ชม.ก็ได้
และที่สำคัญที่สุด ให้นมแม่ให้มากที่สุดและนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วน้ำหนักมันจะคุมไม่ยาก ยิ่งเข้าเต้าท่านอนแล้วด้วยนั้น คุณแม่จะสามารถนอนไปให้นมไป ปัญหาการนอนจะลดลงไปด้วย นมแม่ไม่ได้มีดีแค่คุณค่าทางอาหาร แต่ประหยัดและผอมง่าย
...
อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้คุณแม่หลังคลอดโดยเฉพาะให้นมแม่อยู่ ลดความอ้วนด้วยวิธีลดน้ำหนักด้วยความรวดเร็วเกินไป โดยการจำกัดแคลอรีแบบ extreme แม่ขาดอาหาร ลูกอาจแย่ได้ ส่วนการทำ Intermittent Fasting สามารถทำได้ด้วยความระมัดระวัง ต้องดูเรื่องพลังงานที่ได้รับต่อวันให้ดี และเฝ้าสังเกตอาการแทรกซ้อนของ IF ให้ดีครับ ทางที่ดี อย่าดีกว่า ไม่กินเกินใช้ก็พอแล้ว น้ำหนักก็จะค่อยๆ ลดลงมาได้ เพราะสเตปแรกน้ำหนักจะลดลงเฮือกแรกอยู่แล้ว เพราะการขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย จากนั้นคือไขมันที่สะสมล้วน ที่ต้องใช้เวลาในการลดลง.
ที่มาจาก เฟซบุ๊ก เลี้ยงลูกตามใจหมอ