ชื่นชม โรงเรียนบริบูรณ์วิทยา ใส่ใจปัญหาเด็กติดในรถ เผยมาตรการเปิดท้ายรถตู้ทิ้งไว้ ทำต่อเนื่องมานานเกือบ 10 ปี ทั้งมีความปลอดภัยและช่วยระบายอากาศ 

วันที่ 2 กันยายน 2565 มีรายงานว่า หลังจากมีการเผยแพร่ภาพการจอดรถตู้รับส่งนักเรียนของโรงเรียนบริบูรณ์วิทยา ผ่านทางแฟนเพจของโรงเรียน เป็นภาพที่มีการจอดรถตู้รับส่งนักเรียนพร้อมทั้งมีการเปิดประตูด้านหลังรถ ด้านข้างรถ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นมาตรการปกติปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ประจำรถนักเรียนตั้งแต่โรงเรียนก่อตั้งเมื่อราว 10 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน

นอกจากจะเป็นความปลอดภัยไม่ประมาทแล้วยังช่วยการระบายอากาศให้อากาศถ่ายเทเป็นการควบคุมเชื้อโรคอีกด้วย ซึ่งภายหลังการเผยแพร่ภาพนี้ออกไปได้สร้างความสนใจและฮือฮาด้วยมาตรการง่ายๆ ใส่ใจแต่เกิดความปลอดภัยอย่างเห็นได้ชัดเจน

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนบริบูรณ์วิทยา ตั้งอยู่ที่ริมถนนสายเบญจมะ-ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ตำบลนาเคียน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รถตู้ทั้งหมดของโรงเรียนต้องเข้าจอดประจำจุดเพื่อรับนักเรียนหลังเลิกเรียนส่งกลับบ้านตามแต่ละสายที่รับมอบหมายประจำ โดยมีผู้ขับขี่ประจำที่รู้จักเส้นทางรู้จักผู้ปกครอง คุ้นเคยกับนักเรียนและรู้จักบ้านของนักเรียนเป็นอย่างดี และมีครูประจำรถประจำสายส่งที่คอยตรวจเช็กรายชื่อนักเรียนให้ตรงกันกับการรับส่งและตรวจสอบความปลอดภัยตลอดเวลา

...

คุณครูนฤมล อมรชัยมล หัวหน้าฝ่ายวิชาการโรงเรียนบริบูรณ์วิทยา เปิดเผยว่า จริงๆ แล้ว ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรยากหรือพิเศษอะไรเลย ซึ่งทางโรงเรียนได้ดำเนินการมาตรการนี้มาประมาณ 8-9 ปีแล้ว โดยจะมีคนรถ 1 คน และครูประจำสายรถ 1 คน แต่ละคนก็จะผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลนักเรียน เพราะฉะนั้นครูจะคุ้นชินกับเด็ก รู้จำนวนเด็ก รู้จักบ้าน และได้สอนเด็กๆ อยูแล้ว

หลังจากครูเช็กชื่อและจำนวนเด็กเสร็จสิ้นแล้ว คนรถก็จะนำรถไปจอดและเปิดประตูรถทิ้งไว้ ทั้งเป็นการทำตามนโยบายป้องกันโควิด-19 ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคและป้องกันชีวิตเด็กด้วย ซึ่งเราทำมาก่อนที่มีโควิด-19 ระบาด

การที่เด็กติดในรถแล้วเสียชีวิตเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเด็กคนใดบนโลกใบนี้ และสิ่งที่โรงเรียนปฏิบัติมาตลอด ที่อยากให้หลายๆ โรงเรียนนำไปปฏิบัติคือการฝึกเด็ก การสร้างสถานการณ์จำลองเพื่อให้เด็กได้คิดว่า ถ้าเขาติดอยู่ในรถจะต้องทำอย่างไร ดีกว่าตั้งสติไม่ได้แล้วร้องไห้อย่างเดียว หากเด็กได้ลองฝึก ได้ลองทำในสถานการณ์จำลอง เขาจะรู้ว่าตัวช่วยที่ดีที่สุดคือ แตรรถ ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องฝึก เพราะเขาจะไม่รู้วิธีการลงแรง และกดอย่างไรจึงจะมีเสียง

ในส่วนของการเปิดประตูรถ เด็กโตขึ้นมาหน่อยจะต้องได้รับการฝึกเพราะรถตู้ไม่ได้มีทุกบ้าน บางครั้งรถตู้กับรถเก๋งจะมีวิธีเปิดที่ไม่เหมือนกัน

ขณะที่ผู้ปกครองหลายคนหลังจากที่มีภาพรถนักเรียนของโรงเรียนนี้ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น ได้มีการแชร์ต่อไปเป็นจำนวนมาก หลายรายเห็นว่าเป็นมาตรการที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพียงแต่ผู้ขับขี่รถ คุณครูที่ดูแลเพิ่มความใส่ใจกับนักเรียนโดยเฉพาะเด็กเล็ก ความปลอดภัยจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่