"ชูวิทย์" ชี้ ไฟไหม้ผับชลบุรี คร่า 13 ชีวิต ซ้ำรอย "ซานติก้า" ฝาก "ชัชชาติ" ตรวจสอบย่านดัง บอกคนเข้าเป็นพัน แต่มีทางออกเดียว เพราะไม่ได้ขอเป็นผับแต่ต้น
จากกรณีเหตุการณ์เกิดเหตุไฟไหม้ เมาท์เท่น บี ผับ (MOUNTAIN B) ผับดังเมืองสัตหีบ ริมถนนสายสุขุมวิทบางนา-ตราด ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันนี้ (5 ส.ค.) ที่ผ่านมา ขณะที่มีนักท่องราตรีกำลังใช้บริการกว่าร้อยชีวิต ต้นเพลิงเริ่มไหม้บริเวณหลังคา และได้ลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วบริเวณ เนื่องจากตัวหลังคามีการฉีดพ่นโฟมสำหรับซับเสียง ซึ่งเป็นวัตถุติดไฟได้ง่าย ประกอบกับช่องระบายลมมีเพียงประตูด้านหน้า ยิ่งทำให้ไฟโหมกระหน่ำรุนแรง คร่าชีวิตนักเที่ยวรวม 13 ชีวิต และบาดเจ็บอีกกว่า 40 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น ผ่านเฟซบุ๊กไว้ว่า "ประวัติศาสตร์ซำ้รอย “ซานติก้าผับ”
เมื่อคืนเกิดเหตุสลด ไฟไหม้ผับ Mountain B ที่สัตหีบ ชลบุรี มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกท่านครับ
ว่าแล้วสักวันประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย “ซานติก้าผับ” เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไฟไหม้ในคืนปีใหม่ตายเจ็บร่วมร้อย
วันนี้กลับมาเกิดเรื่องอีกด้วยเหตุเดิมๆ คือ นึกอยากเปิดผับ ก็เปิด ไม่อยากจะซ้ำเติม แต่ขั้นตอนป้องกันต้องมี
1. ทางเข้าออก ทางหนีไฟ ต้องมีหลายทาง
2. ได้รับอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
3. ต้องจำกัดจำนวนคนเข้าตามขนาดพื้นที่ที่รับไหว หากคนเกินก็ไม่ให้เข้า จนกว่าจะมีคนออก
ขั้นตอนง่ายๆ ไม่ทำ ปล่อยปละละเลย ข้างในนอกจากมืดแล้วยังเสียงดัง มีทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
ชักสงสัยเหมือนกันว่าใน กทม. บรรดาผับดังของทุนจีนทั้ง เอกมัย ทองหล่อ อาร์ซีเอ มีทางออกกี่ทาง มีใบอนุญาตก่อสร้าง ใบอนุญาตผับ-บาร์ ถูกต้องไหม? อยากให้ กทม. ยุคของท่านชัชชาติวิ่งไปดูหน่อยครับ ผับซานติก้าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนยังหลอกหลอนไม่หาย
คนเข้าเป็นพัน แต่มีทางออกทางเดียว เพราะไม่ได้ขอเป็นผับแต่ต้น ไหนจะใบอนุญาตตำรวจ คงให้เป็นแค่ร้านอาหาร แต่เปิดกันมั่วเนียนๆ เป็นผับทุกที่ คงไม่ต้องร้อง Traffy Fondue เพราะตอนนี้ กทม. เฉพาะตอบข้อร้องเรียน ก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว.
...
ที่มาจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์