ทำเพื่ออะไร หนุ่มข้องใจหลังรถยนต์สุดรักของพ่อ โดนมือดีพ่นกราฟฟิตี้ ทำลายความทรงจำ 40 ปี ทำคนในครอบครัวเศร้า ต้องเห็นพ่อทุกข์ใจ
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความผ่าน "กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง" โดยระบุว่า เราไม่เข้าใจกับสิ่งที่พวกนายต้องการแสดงหรือสื่อสารอะไรกับครอบครัวของเราแบบนี้ แต่สิ่งที่เรารู้สึกและรับรู้ได้ ณ ตอนนี้และเวลานี้คือ พ่อของเราที่เป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ มีแสดงอาการรู้สึกเสียใจออกมาให้คนในครอบครัวเห็น แม้พยามเก็บอาการอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็สามารถรับรู้ถึงความบอบช้ำนี่ได้ หลังจากที่พ่อเราได้เห็นภาพถ่ายนี้ เพราะมันเป็นทรัพย์สินเพียงชิ้นเดียวของพ่อ มันเปรียบเสมือนของที่ระลึกกับเครื่องเรียกความทรงจำเรื่องราวที่ดีกับ อากง/อาม่า ซึ่งมันมีระยะเวลายาวนานมามากกว่า 30-40 ปี ได้ถูกพวกนายลบเลือนออกหายไปด้วยการพ่นสีสเปรย์กระป๋องเพียงไม่กี่ที
หวังว่าความทรงจำดีๆ ของพ่อเรา ที่มีต่อรถยนต์สุดที่รักคันนี้ คงมีเวลาที่ยาวนานเพียงพอและมากกว่าช่วงระยะเวลาในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของพวกนาย รวมถึงแม้กระทั่งช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที ที่พวกนายได้ลบเลือนความทรงจำและถ่ายทอดผลงานใหม่ชิ้นนี้ของพวกนาย มาระบายลงบนรถยนต์ของพ่อเราคันนี้ อยากถามสั้นๆ ว่าพวกนายทำเพื่อ สำหรับรถยนต์คันนี้ยังคงสามารถใช้ขับขี่ได้ และแจ้งจอดกับกรมการขนส่งแล้ว
(อ่านโพสต์ต้นฉบับ - คลิกที่นี่)
ทั้งนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า "วิถีวัยรุ่นกราฟฟิตี้ ที่กำลังเป็นข่าวดังในโคราช เดือดร้อนหน้าร้านอีก กำเวร, หัวจะปวด วันๆ หาแต่เรื่อง, เหมือนจะเท่ แต่จริงๆ ไม่เลย" ซึ่งภาพภายในโพสต์เป็นภาพของประตูร้านขายโทรศัพท์ที่มีลายกราฟฟิตี้เขียนว่า OME ซึ่งเจ้าของร้านเห็นแล้วโมโหจนอดไม่ไหวเลยถ่ายรูปแล้วนำมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก
...
(อ่านโพสต์ต้นฉบับ - คลิกที่นี่)
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่าคนก่อเหตุที่มาพ่นลายกราฟฟิตี้เป็นคนคนเดียวกัน โดยที่รถคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณแยกไฟแดงไนท์บาร์ซาร์สวนหมาก ซึ่งหลังจากโพสต์ได้ถูกโพสต์ออกไปก็มีกระแสความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย
ล่าสุดวันที่ 22 ก.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านขายและรับซ่อมโทรศัพท์ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแยกไฟแดงคลังพลาซาสาขาจอมสุรางค์ พบกับ นายประวิทย์ ตรีเวส เจ้าของโพสต์และเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว โดย นายประวิทย์ บอกว่า ตนเพิ่งเห็นลายกราฟฟิตี้บริเวณประตู ก็เลยถามน้องมีใครรู้ใครเห็นมั้ย ซึ่งน้องๆ ภายในร้านก็บอกว่าเพิ่งเห็นเหมือนกันกำลังตามหาตัวคนทำอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เห็นภาพลักษณะนี้ ซึ่งมีการโพสต์และแชร์กันอยู่ในกลุ่มข่าวของโคราช ตนก็เลยถ่ายรูปนำไปเปรียบเทียบลาย พบว่าตรงกันเพียงแต่ของตนนั้นอยู่ที่ประตูร้านส่วนอีกที่หนึ่งอยู่บนตัวรถ
จากนั้นจึงหาข้อมูล พบว่าคนที่พ่นสีนั้นเปิดเพจเฟซบุ๊ก จึงส่งข้อความไปพูดคุยถามหาความรับผิดชอบ โดยที่ตนได้ยื่นข้อเสนอไปว่าให้เวลา 2 วัน ในการมาลบสีที่พ่นเอาไว้แต่ถ้าครบกำหนดแล้วยังไม่มาลบ ก็คงต้องแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ซึ่งทางผู้กระทำนั้นก็ยินยอมที่จะมาลบออกให้
อย่างไรก็ตาม เมื่อติดต่อสอบถามไปยังคนพ่นลายกราฟฟิตี้ เผยว่า "พร้อมรับผิดชอบด้วยการลบข้อความออกจากประตูร้านขายโทรศัพท์ให้ แต่สำหรับในกรณีของรถยนต์ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางเจ้าของรถ ตนก็ยังจะไม่ไปลบให้ และพร้อมที่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หากมีคนเข้าไปแจ้งความเอาผิด"
นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงวิธีในการตัดสินใจเลือกสถานที่ที่จะไปพ่นสี ก็ได้เผยว่า "จะพ่นเฉพาะสิ่งที่รกร้าง กึ่งร้าง ของใหม่เอี่ยม ไม่ลงมืออยู่แล้วครับ".