"กรมอนามัย" แนะนำ 8 วิธีกินอาหารให้ปลอดภัย ป้องกัน "อาหารติดคอ" พร้อมย้ำหากเกิดเหตุการณ์ให้รีบปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีเน็ตไอดอลชื่อดังประสบเหตุการณ์เศษอาหารติดหลอดลม ส่งผลให้ขาดอากาศหายใจจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์สิ่งแปลกปลอมที่อุดกั้นทางเดินหายใจเกิดขึ้นได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เช่น กระดุม, เหรียญ, นอต, ลูกอมติดคอ

สำหรับในกลุ่มผู้ใหญ่มักเกิดจากการกินอาหารชิ้นใหญ่ หรือเคี้ยวไม่ละเอียด จึงเกิดการติดคอ และปิดกั้นหลอดลมจนขาดอากาศหายใจได้ เมื่อพบเด็กหรือผู้ใหญ่มีอาการสำลัก หรือสิ่งแปลกปลอมติดคอ ถ้ายังไอแรงๆ ได้ พูดได้ และหายใจเป็นปกติ ไม่ต้องทำอะไร แต่ควรรีบนำผู้ป่วยไปหาหมอทันที อย่าพยายามใช้นิ้วล้วงคอเพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออกเพราะอาจดันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดกั้นทางเดินหายใจจนเกิดอันตรายได้

ส่วนกรณีรุนแรง หายใจไม่ได้ ไอไม่ได้ หรือผู้ป่วยหมดสติ ให้แจ้ง 1669 และรีบปฐมพยาบาล โดยให้ผู้ช่วยปฐมพยาบาลยืนด้านหลังผู้ป่วยโอบรอบใต้รักแร้ มือข้างหนึ่งกำ โดยหันกำปั้นด้านนิ้วหัวแม่มือเข้าไปด้านในหน้าท้องผู้ป่วย แล้ววางไว้เหนือบริเวณสะดือแต่อยู่ใต้ลิ้นปี่ มืออีกข้างโอบกำปั้นไว้ และรัดกระตุกที่หน้าท้องขึ้นและเข้าพร้อมๆ กัน แรงๆ จนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออก หรือจนกว่าผู้ป่วยจะพูดหรือร้องออกมาได้ จากนั้นนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

การป้องกันอาหารติดคอขณะกิน มีวิธีการปฏิบัติ ดังนี้

1. นั่งตัวตรงขณะกินอาหาร และหลังกินเสร็จห้ามนอนทันที ควรนั่งพัก หรือเดินย่อยสัก 15-20 นาที

2. กินอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด

...

3. อย่ากินอาหารขณะเหนื่อยหรือรีบเร่ง ควรพักก่อนสัก 30 นาที

4. อาหารที่กินควรแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ หรือพอดีคำ ไม่ใหญ่เกินไป

5. ลดสิ่งรบกวนขณะกินอาหาร เช่น การพูดคุย การเดิน

6. กินอาหารคำละ 1 ชนิด อาหารที่มีเนื้อสัตว์หลากหลายชนิดใน 1 คำ อาจสำลักได้ง่าย

7. ควรกินอาหารสลับกัน เช่น อาหารที่บดเคี้ยว, สลับกับอาหารเหลว เพื่อให้กลืนอาหารง่ายไม่ฝืดคอ

8. หากอาหารที่กินแข็ง หรือแห้งเกินไป ควรมีน้ำซอส หรือน้ำซุปช่วยให้เนื้ออาหารชุ่มและนุ่มขึ้น.