สรุปดราม่า "โทรศัพท์แตงโม" แม่ใส่กล่องส่งให้ "บังแจ็ค" ที่สหรัฐฯ ด้วยตัวเอง อ้างช่วยกู้ข้อมูลที่เชื่อได้ว่าแตงโมถูกฆาตกรรมได้ ไม่พูดถึงกระแสข่าว เงิน 3 แสน ที่ได้รับมา
แม้ว่าพิธีฌาปนกิจของ แตงโม นิดา ภัทรธิดา ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว เมื่อวานนี้ (24 พ.ค.65) และวันนี้ได้มีการเก็บอัฐิในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยอัฐิของแตงโม จะนำไปเก็บในห้องอัฐิก่อน จากนั้นจะจัดแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งจะได้ให้ญาตินำไปลอยอังคาร และอีกส่วนหนึ่งจะนำเก็บไว้ภายในช่องเก็บอัฐิ หมายเลข 9 ข้างคุณพ่อโส คุณพ่อของแตงโม ที่ระเบียงอาลัย
ทว่ายังมีประเด็นที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ คือ "โทรศัพท์มือถือ" ของแตงโม เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ ที่ 21 พ.ค.65 เฟซบุ๊ก Happy Melon Patcharaveerapong ของ "แตงโม" ได้มีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ด้วยการลงรูปของกระติก ผู้จัดการส่วนตัว และเป็นหนึ่งในคนบนเรือสปีดโบ๊ต พร้อมข้อความอ้างว่า แตงโม ถูกทำร้ายโดยเพื่อนรัก จากนั้นก็มีการปล่อยภาพที่อยู่ภายในมือถือของแตงโมอีกหลายภาพ ทำให้สังคมที่ติดตามข่าวอยู่สงสัยว่า ใครเป็นคนใช้เฟซบุ๊กของแตงโม หรือใครแฮกเฟซบุ๊กของแตงโม ก่อนที่เฟซบุ๊กจะทำการปิดบัญชีนี้ไป คาดว่าเป็นเพราะเฟซบุ๊กมองว่าเป็นพื้นที่ของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และไม่ควรจะมีใครเข้ามาใช้งานได้
...
จากนั้นวันที่ 22 พ.ค. เฟซบุ๊ก Happy Melon Patcharaveerapong ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับแชร์ภาพ และข้อความอย่างต่อเนื่อง โดยสื่อความหมายถึง "ไอ้เพื่อนรัก" ก่อนที่วันถัดมา จะมีการลงรูปของแตงโม ซึ่งปรากฏบาดแผลบริเวณต้นแขนด้านหลัง แล้วอ้างว่าถูกทำร้าย แต่รูปนี้ "ฮิปโป" เพื่อนสนิท ยืนยันว่า เป็นเหตุการณ์ที่แตงโมถูกอูฐกัดจนเป็นแผล ส่วนรอยช้ำที่ใบหน้านั้น มาจากการไปทำศัลยกรรมตามา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระแสของคนในโลกโซเชียลเริ่มตีกลับ เนื่องจากมองว่าเป็นการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ตายมาเผยแพร่ แบบไม่ให้เกียรติ
ต่อมา วันที่ 23 พ.ค. "กระติก" ได้มาออกรายการโหนกระแส และเมื่อจบรายการ มีสายปริศนา ใช้ไลน์ส่วนตัวของแตงโม โทรเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของกระติก โดยมีผู้สื่อข่าวอีก 3 ช่องที่อยู่บริเวณนั้น ตั้งกล้องเตรียมบันทึกภาพ และเมื่อกดรับ กลับกลายเป็นการเผยแพร่ภาพส่วนตัวของแตงโม ทำให้ทุกคนตกใจ กระติกก็รีบกดวางสายทันที แต่ทุกคนก็ตกลงกันว่า จะไม่มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าว (อ่านข่าว : ดราม่า มือปริศนา ใช้ไลน์ส่วนตัว "แตงโม" โทรหา "กระติก" ปล่อยภาพลับ)
ทั้งนี้ บุคคลปริศนา ยังได้ส่งข้อความหากระติก โดยอ้างว่าได้กู้ข้อมูลทั้งหมดมาได้แล้ว ถ้าหากไม่พูดความจริง จะเปิดคลิปที่ทำให้ทั้งแตงโม และกระติก ไม่มีที่ยืนในสังคม
จากนั้น 24 พ.ค. เพจของแตงโม ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ ยังได้พาดพิงมาถึง หนุ่ม กรรชัย ใน 2 ประเด็นคือ ในเรื่องของการแพร่ภาพไม่สมควรของแตงโม ทางเพจปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำ ไม่เคยเปิดภาพลับให้กระติกดู และอีกเรื่องคือ กรณีที่ทำไม 5 คนบนเรือถึงได้ไปออกแค่รายการโหนกระแส เพราะปอ เป็นเพื่อนกับน้องภรรยา ของกรรชัย ซึ่งทาง หนุ่ม กรรชัย ได้ออกมายืนยันว่า ภรรยาไม่มีพี่น้อง เป็นลูกคนเดียว ส่วนทั้ง 5 คนนั้นติดต่อมาขอออกรายการเอง ซึ่งได้มีการปรึกษากับนายสรยุทธ อยู่ตลอด และได้รับอนุญาตแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คนในโลกโซเชียลเห็นว่า เพจเองให้ข้อมูลขัดแย้งในตัวเอง พร้อมกับตามหาว่าใครเป็นคนถือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งหลายคนเองก็อยากให้แม่ของแตงโมเอาเรื่องนี้เข้าแจ้งความ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของแตงโม ซึ่งในช่วงแรก ทนายเดชา ทนายความในคดีแตงโม อ้างว่าคุณแม่จะไม่แจ้งความ เพราะเป็นเรื่องเครียด ไม่ดีไม่งาม
แต่เมื่อไปถามแม่ว่า โทรศัพท์มือถืออยู่ที่ไหน แม่อ้างว่าให้ทนายเก็บไว้ เนื่องจากเพิ่งได้รับคืนมาประมาณ 2 อาทิตย์ เมื่อได้คืนมาก็ห่ออย่างดี เพราะเห็นว่าเป็นของส่วนตัวของน้องเลยไม่อยากยุ่ง และแม่ก็เพิ่งเปิดดูได้เมื่ออาทิตย์ก่อน จากนั้นก็มอบให้ทนายเก็บไว้ โดยแม่เข้าในมือถือได้ เพราะมีรหัสปลดล็อก ซึ่งดูได้แต่ภาพเท่านั้น แต่ส่วนอื่นๆ ที่เป็นโซเชียลมีเดียของน้อง ไม่มีรหัส จึงเข้าไม่ได้ ส่วนรูปของกระติก แม่เคยเห็นแล้ว เลยไม่ตื่นเต้น
จากนั้นก็มีข่าวหลุดออกมาว่า คุณแม่ได้มีการติดต่อพุดคุยกับบังแจ็ค และคุยกันมาเป็นเวลานานแล้ว โดยบังแจ็คเอง ก็ให้สัมภาษณ์ว่า คุยกับคุณแม่บ่อย จนสนิทกัน
ล่าสุดวันนี้ (25 พ.ค.) ทนายเดชา ได้ออกมายืนยันว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณแม่ ก็ได้รับการยืนยันว่า คุณแม่เป็นผู้ส่งโทรศัพท์ของแตงโมไปให้บังแจ็คที่สหรัฐฯ ด้วยตนเอง ได้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว โดยมีค่าส่งประมาณ 2,000 กว่าบาท เนื่องจากต้องการหาความจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของแตงโม เนื่องจาก บังแจ็ค อ้างว่า สามารถค้นหาภาพที่บ่งบอกว่าแตงโมถูกฆาตกรรมซึ่งอยู่ในโทรศัพท์ได้ ซึ่งมีอยู่ 2 ภาพที่ถูกลบไป เป็นภาพที่แตงโมใส่ชุดนอนอยู่ในโรงแรม ซึ่งไม่ใช่ภาพที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่จากรายงานการสืบสวนในทางลับของเจ้าหน้าที่ คาดว่าบังแจ็คนำภาพดังกล่าวไปให้กับยูทูบเบอร์คนหนึ่ง และอาจนำไปใช้เชื่อมโยงกับการฆาตกรรม ซึ่งยูทูบเบอร์คนดังกล่าวก็อาจถูกบังแจ็คหลอกอีกคน
ทนายเดชา ยังบอกอีกว่า คุณแม่ส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็คกู้ข้อมูล ไม่ได้มีเจตนาให้นำภาพไปปล่อยตามสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงไม่ได้พูดเรื่องเงิน 300,000 บาท ที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า ได้จากการส่งโทรศัพท์ไปสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตนไม่เคยโกรธคุณแม่เลย ที่บอกว่าโทรศัพท์มือถือของแตงโมอยู่กับตน เพราะแม่คงต้องเอาตัวรอด
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ขอเวลา 2 วัน จะได้ออกมาแถลงในเรื่องนี้ โดยหลังเกิดเรื่องคุณแม่เกิดความเครียด และได้ปิดโทรศัพท์มือถือไปแล้ว
ซึ่งต่อมา บังแจ็ค ได้ให้สัมภาษณ์ผ่าน "ไทยรัฐนิวส์โชว์" โดยยอมรับว่า คุณแม่ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ตนเอง พร้อมกับโชว์โทรศัพท์มือถือของแตงโมให้ดู และว่า ภาพที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กเพจ "Happy Melon official" ที่มีผู้ติดตาม 1.5 ล้านคน นั้น ตัวเองเป็นคนโพสต์เอง ซึ่งก็ได้รับอนุญาตจากคุณแม่แล้ว.