- ฮอสพิเทล (Hospitel) ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ ที่ไม่สะดวกรักษาตัวที่บ้าน
- ศบค. ออกข้อกำหนด การรักษาตัวในฮอสพิเทลเหลือ 7 วัน จากนั้นกลับไปกักตัวต่อที่บ้านจนครบ 10 วัน
- ระหว่างการรักษา แม้ตรวจ ATK พบว่าขึ้นขีดเดียว ไม่ได้แปลว่าหาย ไม่มีเชื้อ และยังคงแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ ดังนั้น ยังคงต้องกักตัวให้ครบตามกำหนด
ในวันที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้นกว่าหมื่นคนต่อวัน ช่องทางการรักษาก็มีทั้งในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก สีเหลือง สีแดง การรักษาใน Hospitel และ การรักษาแบบ Home Isolation สำหรับผู้ป่วยสีเขียว โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน หรือ อสม. ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงผู้ป่วย
สำหรับการรักษาใน Hospitel นั้น เป็นการรักษาผู้ป่วยสีเหลือง และสีเขียว ที่ไม่สามารถทำการรักษาตัวที่บ้านได้ เนื่องจากในบ้านอาจจะมีผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือไม่ได้มีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วน ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม หลายคนคงสงสัยว่า แล้วการรักษาใน Hospitel เป็นอย่างไร หลังจากที่ ศบค. ประกาศลดการกักตัวเหลือ 10 วัน
...
อยากรักษาตัวใน Hospitel ต้องทำอย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราอยู่กับโควิด-19 มากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งทุกคนคงได้รับข้อมูลมาตลอด สำหรับการปฏิบัติตัว หากพบว่าตัวเองติดเชื้อหลังการตรวจ ATK แล้วเจอว่าขึ้น 2 ขีดจะต้องทำอย่างไร
สำหรับคนที่ตรวจ ATK แล้วเจอว่าตัวเองติดเชื้อโควิด จะต้องติดต่อไปยังสถานพยาบาลที่ตัวเองมีสิทธิตามหลักประกันสุขภาพของตัวเอง หรือหากใครยังไม่รู้ สามารถตรวจสอบสิทธิ์ของตัวเองได้ ที่นี่ โดยกรอกเลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด และระบุตัวอักษรที่เห็นในภาพ จากนั้นระบบจะแสดงสิทธิประกันสุขภาพ รวมถึงโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลตามสิทธิ์การรักษา
หลังจากนั้นให้ติดต่อไปยังสถานพยาบาลที่มีสิทธิ์อยู่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการรักษา หากพบว่าตรวจ ATK แล้วพบว่าขึ้น 2 ขีด ซึ่งก็มีทั้งการให้ผู้ป่วยนำผลมาแสดง เพื่อขอรับยา แบบ “เจอ แจก จบ” และกลับไปกักตัวต่อที่บ้าน โดยเข้าระบบการรักษาแบบ Home Isolation แต่หากใครไม่สะดวก และทางโรงพยาบาลมี Hospitel คู่สัญญาอยู่ สามารถสอบถาม เพื่อเข้ารับการรักษาใน Hospitel ได้ หากเตียงยังว่าง
เตรียมความพร้อม ไปฮอสพิเทล
การเตรียมความพร้อมเพื่อไปกักตัวใน ฮอลพิเทล นั้น สิ่งที่ต้องเตรียมคือ เสื้อผ้าที่เพียงพอสำหรับการกักตัว ประมาณ 7 วัน ของใช้ส่วนตัว อาทิ สบู่ แปรงสีฟัน ยาสระผม ยาประจำตัว สายชาร์จโทรศัพท์ ฯลฯ
โดยทางโรงพยาบาลจะเป็นผู้นัดหมายการเข้าพัก พร้อมอธิบายกฎระเบียบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พยาบาล การขอความช่วยเหลือต่างๆ การสั่งของ หรือสั่งอาหารเดลิเวอรี ระหว่างที่พักอยู่ในฮอสพิเทล
ซึ่งระหว่างกักตัวในฮอสพิเทลนั้น ทางสถานพยาบาล จะมีการนัดหมายเพื่อตรวจปอด และหากใครต้องการเอกสาร เพิ่มเติมจากทางโรงพยาบาล เพื่อยื่นลากับนายจ้าง หรือเบิกประกัน ต้องแจ้งกับสถานพยาบาลล่วงหน้า โดยจะได้รับเอกสารรับรองการรักษาทั้งหมด ในวันที่ออกจากฮอสพิเทล
รักษาในฮอสพิเทล ได้ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือไม่
กลายเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่า การรักษาในฮอสพิเทลตอนนี้นั้น ผู้ป่วย หรือผู้ที่ติดเชื้อ จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์หรือไม่
ซึ่งจากการสอบถาม ทราบว่า สถานพยาบาลจะจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ให้กลุ่มผู้ป่วย 608 คือ กลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน (น้ำหนักตัวเกิน 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายเกิน 35), โรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน และ หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์
แต่หากไม่ได้เป็นผู้ป่วยในกลุ่ม 608 จะได้รับยาตามอาการเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ ยาลดน้ำมูก เป็นต้น
7 วันในฮอสพิเทล ถือว่าหายแล้วหรือยัง
จากประกาศของ ศบค. ล่าสุด ที่กำหนดว่า ให้รักษาตัวในฮอสพิเทล เป็นเวลา 7 ก่อนที่จะอนุญาตให้กลับบ้าน แต่ต้องกักตัวอีก 3 วันจนครบ 10 วัน ก่อนออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ใช้แอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างจากคนอื่นเช่นเดิม
ซึ่งหลายคนมีคำถามว่า หลังการรักษาตัวในฮอสพิเทล 7 วัน และตรวจไม่พบเชื้อแล้ว หมายถึงหายเป็นปกติดีแล้วหรือไม่
เรื่องนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้อธิบายไว้ชัดเจนว่า ระหว่างการรักษาโควิด แล้วตรวจ ATK ขึ้นขีดเดียวทั้งที่ ไม่ครบ 10 วัน ซึ่งหลายคนเข้าใจว่า “หายป่วยแล้ว” นั้น กระทรวงสาธารณสุข ไม่แนะนำให้ตรวจในระหว่างการรักษา เมื่อผลเป็นบวกแล้ว และหลังการรักษา เพราะยังสามารถตรวจจับเชื้อได้เฉพาะวันที่ 5-7 หลังการติดเชื้อเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การตรวจไม่พบเชื้อในระว่างการกักตัว ไม่ได้แปลว่า ไม่มีเชื้อ เพราะยังสามารถแพร่เชื้อได้ ดังนั้นต้องกักตัวดูแลสุขภาพให้ครบ 10 วันก่อน
เรียกว่า ยังไงก็ประมาทไม่ได้
ผู้เขียน : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟิก : Sathit Chuephanngam