• พารู้จัก "คุณมะเขือ" สุภัทรา ปิ่นทอง เจ้าของเฟซบุ๊ก "เพจของเพื่อน" ที่มีผู้ติดตามเกือบ 6 แสนคน
  • ที่ผ่านมาเราผลักดันให้ผู้หญิงทุกคนเห็นความสวยในตัวเอง แต่ไม่เคยบอกให้ใครหยุดพัฒนาตัวเอง
  • เล่าที่มาประสบการณ์เที่ยวคนเดียว พร้อมเผยสิ่งที่ไม่ได้เขียนลงไปในโพสต์ "เที่ยวภูเก็ตคนเดียว" 

การเดินทางคนเดียวจะไม่น่ากลัวอีกต่อไป เมื่อโลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์ของ "สาวสวยสุดแซ่บ" เจ้าของเฟซบุ๊ก "เพจของเพื่อน" เล่าเรื่องราวการเดินทางไปเที่ยวภูเก็ตคนเดียว ซึ่งทำให้ได้เจอเรื่องราวมากมาย โดนใจใครหลายคนจนถูกพูดถึงอย่างมาก โดยกวาดยอดไลค์และแชร์ไปได้เกือบ 1 แสนครั้ง ทำให้เราอยากพาทุกคนไปรู้จักกับเธอมากขึ้น ว่าสาวคนนี้เป็นใคร แม้ที่ผ่านมาบางคนอาจจะคุ้นหน้าในโลกโซเชียลมาบ้างแล้วก็ตาม

เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับ "คุณมะเขือ" สุภัทรา ปิ่นทอง เจ้าของเฟซบุ๊ก "เพจของเพื่อน" ที่มีผู้ติดตามกว่า 6 แสนคน เล่าประวัติตัวเองด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ปัจจุบันประกอบอาชีพ อินฟลูเอนเซอร์ ดารา นักแสดง นางแบบ พิธีกร เน็ตไอดอล ไลฟ์โค้ช เลิฟกูรู คนที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง คือเป็นทุกอย่าง ใครอยากให้เป็นอะไรก็เป็นได้หมดเลย (หัวเราะ) แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคือ เป็นตัวเอง อยากทำอะไรก็ได้ แม้ว่าภาพจะดูเป็นคนแรงๆ แต่จริงๆ แล้วคิดว่า ตัวเองเป็นคนหวาน เซนซิทีฟ แคร์คนรู้สึกคนอื่นมากๆ ซึ่งนั่นก็คือเราในอีกเวอร์ชันหนึ่งเหมือนกัน

...

ส่วนจุดเริ่มต้นของการทำ "เพจของเพื่อน" มาจากตอนนั้นอยากแกล้งเพื่อน อยากเอารูปเพื่อนไปลงแกง (แกล้ง) แต่ทำไปทำมาสงสารเพื่อน ก็เลยแกงตัวเอง จากนั้นก็หันมาทำคลิปตลกๆ เพราะเป็นคนชอบทำคลิป ก็เลยชื่อว่า เพจของเพื่อน ซึ่งเพจนี้สร้างมาประมาณ 5-6 ปีแล้ว แต่ไม่ได้จริงจังอะไร ทำเล่นๆ ปล่อยร้าง มาจริงจังช่วงปีหลังๆ มากกว่า เพราะอยากดังเหมือนคนอื่น อยากมีสปอนเซอร์เข้า เลยคิดว่าเราต้องทำอะไรจริงจังสักที

ผลงานอะไรที่ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น

เริ่มจากการตอบคำถามในไอจีสตอรี่ ใน ask me a question ซึ่งเหตุผลจริงๆ แล้ว ตั้งคำถามเพื่อหลอกล่อให้ผู้ชายมาถามเรา (หัวเราะ) แต่ดันมีคนมาถามจริง ทำให้เราเริ่มตอบคำถามด้วยความเป็นตัวเอง ไม่ได้แคร์ใคร ตอนนั้นมีคนติดตามอยู่ประมาณ 2-3 พันคน ก็ตอบตามความเป็นเรา แล้วอยู่ดีๆ คนก็ชอบ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมาก จนวันหนึ่งเอาคลิปไปลงแอปฯ TikTok จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มีคนมาชอบมากขึ้น คนมาติดตามเรามากขึ้น มารอเราตอบคำถาม เพราะชอบการตอบคำถามของเรา มันตรงและตลก

คิดว่าสิ่งที่ทำให้คนมาชอบเพจเรา น่าจะเพราะเราเป็นคนตรงๆ มีความเป็นธรรมชาติ ตัวเราคิดแบบนี้ก็พูดไปแบบนี้ แต่คำพูดเราจะไม่ได้ทำร้ายใคร พูดในความที่มันควรจะเป็น ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบมาด่ามาบูลลี่เรา ก็ไม่ค่อยด่าใครเท่าไร

ผลักดันให้ทุกคนพัฒนาตัวเอง

ที่ผ่านมาเราผลักดันให้ผู้หญิงทุกคนเห็นความสวยในตัวเอง แต่ไม่เคยบอกให้ใครหยุดพัฒนาตัวเอง บางอย่างถ้าเรายอมรับได้ มันก็ต้องไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร สมมติถ้าใครอ้วนแล้วชอบความอ้วนของตัวเอง แล้วรู้สึกภูมิใจ เซ็กซี่ ก็อ้วนไปเลย แต่ถ้ารู้สึกว่าเราผอมกว่านี้จะรู้สึกดีกว่า ร่างกายแข็งแรงมากกว่านี้ก็จะแนะนำให้ทำ มันอยู่ที่ช้อยส์ในการเลือกว่าคุณพอใจในตัวเองร่างไหนมากที่สุด

มันไม่ควรมีใครมากำหนดว่า ผิวดำห้ามใส่เสื้อผ้าสีนี้ ขาใหญ่ห้ามใส่กางเกงขาสั้น คนที่คิดแบบนี้มันเป็นอะไรที่โคตรเก่า ทุกคนควรจะใส่อะไรก็ได้ ถ้าการที่เราต้องเอาชีวิตไปขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของคนอื่น สายตาของคนอื่น เราจะไม่ได้ใส่อะไรเลย เพราะว่าความสุขทุกอย่างไปขึ้นอยู่กับคนอื่นหมด ปกติถ้าเราอยากแต่งอะไรบางทีก็แต่งเลย คนมองมาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ลืมแล้ว

ล่าสุดเราพูดเรื่อง "หน้าสด" มีคนมาถามว่าทำไมเราไม่แต่งหน้า ซึ่งการที่ใครจะแต่งหน้า ไม่แต่งหน้า หรือหน้าสด ไม่ควรไปยุ่งกับเขา ไม่มีใครกำหนดข้อบังคับว่าผู้หญิงจะต้องแต่งหน้าตลอดเวลา ถ้าไม่แต่งหน้าจะไม่ดี แล้วไม่เคยเจอคนประเทศไหนที่พูดแบบนี้ นอกจากบางคนในประเทศไทย ฝรั่งไม่เคยมาบอกเลย "ทำไม You ไม่แต่งหน้า" "ทำไมหน้า You สดจัง" คือคนถามเป็นปัญหากับหน้าคนอื่นมาก ควรโดนฟาด คนพวกนี้เอาความตลกมาทำให้ผู้หญิงรู้สึกแย่กับตัวเอง รู้สึกดาวน์กับตัวเอง ซึ่งมันไม่ควร

หลายคนมองเราเป็นต้นแบบ มันดีใจนะที่มีคนทักมาบอกว่า ตั้งแต่ดูเราแล้วกล้าแต่งตัวขึ้น ไม่แคร์ใครแล้ว มั่นใจ มีความสุข ทำให้คิดว่าคนอย่างเราก็มีประโยชน์กับสังคมเหมือนกัน ไม่ใช่จะบ้าๆ บอๆ ไปวันๆ ส่วนใหญ่คนจะทักมาปรึกษาเราเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องความรักเป็นอันดับ 1 แล้วก็เรื่องความมั่นใจในตัวเอง, การโดนบูลลี่ต่างๆ ซึ่งเรื่องการโดน “บูลลี่” มันคือเรื่องใหญ่ ต้องขีดเส้นชัดเจนไปเลยว่าเราไม่ชอบให้มันจบไปเลย

อาจดูเหมือนเก่งเรื่องความรัก แต่จริงๆ "โสด"

สถานะตอนนี้คือ โสด coach don't play อาจดูเหมือนเก่งเรื่องความรัก แต่จริงๆ ก็เอาตัวเองไม่รอด (หัวเราะ) เราก็คน ร้องไห้เป็นเศร้าเป็น อกหักก็บ่อย แต่ว่าเราแค่ผ่านเรื่องราวพวกนั้นมาก่อนน้องๆ เท่านั้นเอง คือเข้าใจว่าเด็กคงหาทางออกไม่ได้ ต้องการหาที่ปรึกษา ซึ่งเราก็เคยเป็นมาหมดแล้ว ถึงตอนนี้ถามว่าเราเก่งไหม เรียกว่าเรามีประสบการณ์มาก่อนดีกว่า รู้ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ควรจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง อายุ 30 แล้วก็ต้องมีประสบการณ์บ้างแหละ (หัวเราะ)

ถ้าถามว่าเข็ดกับความรักไหม มันแค่ต้องเลือกคนที่มันเหมาะสมกับการที่จะใช้เวลากับเขาแล้วชีวิตจะดีขึ้น มีความสุขขึ้น อะไรที่ทำให้เราสองคนจะเติบโตไปด้วยกัน ไม่ได้มองว่า ฉันรักเธอ เธอรักฉัน เรารักกัน แล้วจบ การที่แค่ใครสักคนมาบอกรักเรา สำหรับเรามองว่าอาจจะเป็นเรื่องของเด็กๆ แต่ต้องมองถึงการคุยกันนานๆ คุยกันยาวๆ ได้ศึกษาชีวิตกัน เพื่อเติบโตไปด้วยกัน เชื่อว่าถ้าใครมีคนดีๆ เข้ามา จะรู้ได้เลยว่าคนนี้ใช่ แต่อาจจะมีแบบเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดี อันนี้ก็ต้องเสี่ยงดวงกันเอง (หัวเราะ) ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เดตคนเยอะ แต่เลือกคนว่าคนไหนที่อยากทำความรู้จัก อยากไปกินข้าวด้วย มันต้องเลือก ไม่ใช่ไปกับทุกคน

เวลาเจอคอมเมนต์ไม่ดี ถ้าบางอันไม่โอเคมากๆ ก็จะลบ กับบางคนเข้าใจว่าเขาอาจจะเล่นกับเราแค่เกินขอบเขต คำพูดมันไม่น่ารัก แต่ถ้าเขาไม่ให้เกียรติเราเลยก็จะลบ แต่ถ้าคนไหนมาแย่ๆ ใส่เลย คิดแล้วว่าคงไม่ใช่แฟนคลับแน่ๆ ก็ด่ากลับ บางอันก็บล็อกไปเลย ที่ผ่านมาเคยมีทัวร์ลงก็ไม่อ่านคอมเมนต์เลย และปิดการแจ้งเตือนไป เพราะมันทำร้ายจิตใจและความรู้สึกมากๆ เชื่อว่าบางคนเขาก็ไม่ได้เข้าใจเราทุกเรื่องจริงๆ

สิ่งที่ทำให้มั่นใจในตัวเอง

รู้สึกว่าการไม่มั่นใจในตัวเองมันดูไม่มีประโยชน์ เคยเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่มันไม่สนุก เลยคิดว่าเป็นคนมั่นใจในตัวเองดีกว่าสนุกดี เป็นคนแบบเชิดๆ เลิศๆ แต่ก็ไม่ได้มั่นใจทุกเรื่อง ก็ศึกษาเรียนรู้กันไป

ส่วนวิธีดูแลตัวเอง พยายามออกกำลังกาย จะไม่ยอมเป็นแบบนี้แล้วก็จะเป็นอยู่แค่นี้ เราจะต้องดูดีขึ้น พยายามอยู่ในสังคมที่มันดีต่อใจ อยู่กับเพื่อนที่ดี เพราะสุขภาพจิตสำคัญมากๆ หัวเราะบ่อยๆ ดูอะไรที่มันทำให้ขำ เลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ แต่ไม่ได้เคร่งครัดเกินไป ทำทุกอย่างให้อยู่ในพื้นฐานของความสุข

เรื่องภาษาอังกฤษนั้น เราไม่ได้เก่งอะไรมาก แค่สื่อสารได้งูๆ ปลาๆ ต้องเริ่มเล่าว่า เป็นคนชอบฟังเพลงอังกฤษ ชอบแปลเพลง การจะมาฟังเพลงแล้วไม่รู้ว่าความหมาย สำหรับเราคือไม่ได้ ต้องรู้ศัพท์ ต้องอินกับเพลงนั้น เลยชอบแปลเพลงอังกฤษ ชอบอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งต้องรู้จักสังคมที่เป็นเพื่อนฝรั่ง ต้องมีการสนทนากับฝรั่ง แล้วไปคลุกคลีกับตรงนั้นให้ได้มากที่สุด แล้วมันจะพัฒนาไปได้เอง เราพยายามใช้ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เขียนอะไรก็ใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกฝนตัวเอง แต่ส่วนหนึ่งก็อยากได้แฟนฝรั่ง เลยจำเป็นต้องฝึกภาษาอังกฤษ (หัวเราะ)

เล่าที่มาประสบการณ์ "ไปเที่ยวภูเก็ตคนเดียว"

โพสต์ภูเก็ตที่เราแชร์ไปล่าสุด คนไลค์เกือบแสนแล้ว ถ้าถามว่าตกใจมั้ย คือเราทำโดยไม่ได้คาดหวัง จริงๆ เราเป็นคนตลกก็คิดว่าคงมีคนชอบแหละ ซึ่งพอมาถึงขนาดนี้ก็ไม่ได้ตกใจ แต่ดีใจมากกว่าที่มีคนชอบเยอะ ซึ่งโพสต์นี้ก็ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น มีคนมาติดตามแฟนเพจเพิ่มหลักแสน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอีกขั้น

ส่วนสิ่งที่ไม่ได้เขียนลงไปในโพสต์ภูเก็ต น่าจะเป็นเรื่องผู้ชายเพราะมันมีเยอะมาก (หัวเราะ) ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจไปคือ หลังจากคุณพ่อเสีย เรารู้สึกอยากรักษาใจตัวเอง เลยจองตั๋วไปภูเก็ตกะทันหัน ตอนนั้นคนรอบข้างห้าม เพราะกลัวโควิด แต่เราดันจองเสร็จหมดแล้ว และเพิ่งรู้ว่าโควิดระบาดหนักที่ภูเก็ต แต่โชคดีที่สุดท้ายก็รอดมาได้ หลังจากนั้นก็มีหนุ่มเนเธอร์แลนด์บินจากภูเก็ตมาหาที่กรุงเทพฯ ความสวยอะเนอะ (หัวเราะ)

ฝากถึงคนที่ชอบเราและไม่ชอบเรา

ขอขอบคุณทุกคนที่ชอบเรา ขอบคุณมากๆ ส่วนคนที่ไม่ชอบเราไม่ได้สนใจเขาอยู่แล้ว แต่ก็ขอบคุณที่ไม่ชอบเราเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยก็เป็นความรู้สึกหนึ่งที่เขามีให้เรา มันแตกต่างจากการที่เขาเฉยๆ กับเรา อย่างน้อยเขาก็มีความรู้สึกกับเรา ขอบคุณที่เอาพลังตรงนั้นมาไม่ชอบ เชื่ออย่างน้อยต้องเคยดูเราถึงไม่ชอบ (หัวเราะ) แต่ถ้าบางคนตามด่าก็บล็อกไปเลย เพราะคนพวกนี้เขาไม่มีอะไรที่น่าสนใจ ไม่ได้สำคัญกับชีวิต

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าช่วยไลค์ ช่วยแชร์กันเยอะๆ จะได้มีเงิน (หัวเราะ) อยากขอบคุณคนที่ติดตามเรามากๆ เป็นเหมือนผู้มีพระคุณในชีวิต เพราะมีพวกเขาคอยซัพพอร์ตมาตั้งแต่เริ่ม จนวันหนึ่งที่เราเติบโตมาด้วยกัน มันเหมือนครอบครัว เอาตรงๆ รักแฟนคลับนะ รักมาก ขอบคุณเขาทุกครั้งที่มาดูไลฟ์เรา ขอบคุณทุกครั้งที่มาเมนต์ รู้สึกว่าพวกเขาคือพลังใจของเรามาก ในวันที่พ่อเราเสีย ทำให้รู้ว่ามีคนรักเราเยอะขนาดไหน แม้เขาเป็นใครไม่รู้ แต่การที่เขามารัก มาให้กำลังใจ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว.

ผู้เขียน : กนก ถกคนดัง

กราฟิก : Theerapong.c