แฮชแท็ก #ไพรวัลย์ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ หลังมีกระแสเรียกร้อง "ทิดไพรวัลย์" ทำตามคำพูดก่อนสึก หวังเป็นกระบอกเสียงให้วงการสงฆ์
กำลังเป็นกระแสที่สังคมจับตามองอีกครั้ง สำหรับ "ทิดไพรวัลย์" อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังที่ได้ลาสิกขาหลังจากบวชมานานนับ 18 ปี ซึ่งระหว่างที่บวช เจ้าตัวก็ได้เป็นปากเป็นเสียงให้กับวงการสงฆ์อย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งมีการสอนเกี่ยวกับธรรมะดึงดูดคนรุ่นใหม่ จนมีผู้ติดตามจำนวนมาก เมื่อสึกแล้วทำให้หลายคนคาดหวังว่าจะเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับวงการสงฆ์ต่อไป
แต่ไม่นานมานี้หลายคนได้ให้ความสนใจกับ ทิดไพรวัลย์ ที่เดินสายออกรายการ รวมทั้งมีโพสต์ภาพไปไหนมาไหนกับ "มินยง" หนุ่มเกาหลีหน้าใส น้องชายคนสนิทบ่อยครั้ง ทำให้มีผู้ติดตามเข้ามาคอมเมนต์สอบถามว่า เหตุใด ทิดไพรวัลย์ ยังไม่ออกมาฟาดฟันกับสำนักพุทธตามที่เคยบอกไว้
ซึ่ง ทิดไพรวัลย์ ได้โพสต์ถึงกรณีนี้ว่า "ผมสงสัยว่า ทุกคนต้องนั่งวิจารณ์ศาสนาสังคมการเมือง โดยไม่ต้องทำมาหากินหรอครับ ต้องนั่งกระดิกมือกระดิกเท้าด่ากราดคนอื่นส่งเดชไปเรื่อยเพื่อความสะใจหรอครับ
หรือผมมีคำถามต่อไปว่า ชีวิตคนเรามีแต่เรื่องในส่วนของสังคมหรอครับ ไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่ต้องจัดการรับผิดชอบอะไรในชีวิตของตัวเองหรอครับ ถ้าคิดแบบนั้นก็ดูเด็กมากไปนะครับ
ชีวิตคนมีหลายส่วน ผมเคยพูดไปแล้วตั้งแต่ที่ผมยังเป็นพระ และทุกส่วนต้องไปด้วยกัน ผมไม่เคยขี้ขลาดนะครับ เวลาที่ต้องวิจารณ์เรื่องศาสนาสังคม หรือแม้แต่การเมืองอย่างตรงไปตรงมา ล่าสุดเรื่องเจ้าคณะจังหวัดหนึ่งที่ถูกใส่ความเรื่องผู้หญิง ซึ่งเป็นหลานตัวเองแท้ๆ ผมก็พูดแถมยังฝากคำถามไปถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย ในรายการนินทาประเทศไทย เรื่องหมูแพง ผมก็พูด แต่คำถามคือ ผมต้องพูดไปเรื่อยตลอดเวลาหรอครับ หรือต้องพูดเพราะความกดดันจากใครที่มีสิทธิ์บังคับให้ผมพูด
...
ถ้าผมไม่มีกิน พี่จะส่งเสียเลี้ยงดูผมกับครอบครัวหรอครับ ผมนึกถึงตอนที่ผมเองโดนอำนาจที่ไม่เป็นธรรมมากมายเล่นงาน สมัยที่ยังบวชอยู่ เวลาที่โดนเล่นงานแบบเงียบๆ ผมไม่เคยออกมาเรียกร้องสักครั้งเลยว่า ขอให้คนอื่นเป็นปากเป็นเสียงหรือปกป้องผมด้วย เพราะผมเข้าใจดีว่า ทุกคนล้วนมีเงื่อนไขในชีวิตต่างกัน มีการงานมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบไม่เหมือนกัน
ตอนเป็นพระที่ผมพูดเรื่องสังคมการเมืองเยอะมาก เพราะผมตระหนักว่า ผมอยู่ฟรีกินฟรี ผมจึงต้องตอบแทนสังคมและทำเพื่อชาวบ้าน แต่แม้ตอนนี้ที่ผมสึกแล้ว และต้องรับผิดชอบตัวเองตลอดจนถึงครอบครัวของผมมากขึ้น ผมก็ยังทำหน้าที่ในส่วนที่ผมเห็นว่าผมทำได้อยู่ ทำไมครับ การที่ผมไม่พูดหรือพูดน้อยลง นั่นหมายถึง ผิดหรอครับ"
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการโพสต์ชี้แจงแล้ว แต่กระแสในโลกออนไลน์ยังมีการติดแฮชแท็ก #ไพรวัลย์ มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นดังกล่าวอย่างดุเดือด เนื่องจากในแฟนเพจ ไพรวัลย์ วรรณบุตร มีการแคปภาพของผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวคนหนึ่งที่มีความเห็นต่างมาลง
นอกจากนี้โซเชียลยังนำคลิปคำสอนสมัยสอนธรรมะมารีรัน เช่น การรับมือเมื่อมีคนมาต่อว่าจะต้องโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ขณะที่บางส่วนระบุว่า เข้าใจการใช้ชีวิตของ ทิดไพรวัลย์ ที่ต้องทำงานเพื่อหาเงิน หากใครไม่ชอบ ก็แค่ไม่ติดตามเท่านั้น.