เปิดใจ "สาวเดือด" กระชากหัวเพื่อนรักในโรงพัก หลังโดนหลอกลงทุนสูญเงินเกือบ 20 ล้านบาท พร้อมลั่นแค้นใจถูกเพื่อนหลอกลวงเอาเงินไปมีชีวิตอยู่สุขสบาย แต่ชีวิตตนเองต้องมาพัง

จากกรณี แฟนเพจข่าวของจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ลงเรื่องราวของหญิงสาวคู่หนึ่ง มีเรื่องด่าทอทะเลาะวิวาท จิกผมกันบนสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้าม พร้อมระบุข้อความว่า สำหรับแค่นี้ยังน้อยไปสำหรับคนโกงไปเกือบ 10 ล้านแค่คนๆ เดียว รวมแล้วเสียหายรวมกันมากกว่า 30-40 ล้าน จนคนเดือดร้อนกันไปหมด ต้องขายบ้าน ขายรถ ขายทอง จนเกือบฆ่าตัวตาย เพราะคนๆ เดียว ช่วยกันแชร์เผื่อใครรู้จักจะได้ระมัดระวังกันไว้ คนแบบนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ จนเป็นที่พูดถึงบนโลกออนไลน์นั้น

ล่าสุด วันที่ 13 ม.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางรวิกร ชุนหะศรี หรือ อ้อม หญิงผู้เสียหายในคลิปดังกล่าว ที่พยายามจิกผมคู่กรณีให้มาเจรจาตกลงกันในเรื่องเงินที่หลอกให้ร่วมลงทุน โดยนางรวิกร เผยว่า ที่ทำไปเพราะโกรธแค้น เนื่องจากคนที่หลอกลวงคือเพื่อนที่เคยเรียนกันมาตั้งแต่สมัยประถม หลอกให้มาร่วมลงทุน เป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท โดยกู้เงินธนาคารพร้อมดอกเบี้ยขายรถอีก 7 คัน รวมกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งวันที่มีการจิกผมขึ้นโรงพัก มันไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญ แต่เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่หลอกลวงจะมาโรงพักเพื่อเจรจากับผู้เสียหายคนหนึ่งที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา

จากนั้น จึงได้นัดกับผู้เสียหายอีกหลายคนบุกมารอที่โรงพักเพื่อเจอ พอเจอหน้าเพื่อนก็โมโห เพราะเพื่อนรักที่ทำให้ชีวิตตัวเองพังลงเป็นหนี้เป็นสินอย่างหนัก ที่จริงก็อยากจะทำมากกว่านี้ ตนก็รู้ว่าทำผิดอยากจะให้เพื่อนแจ้งความกลับก็ได้ ถ้าวันนั้นมีปืนก็จะยิงทันทีเพราะตนต้องทนทุกข์ทรมานมานานนับปี โดยปี 2563 ทีแรกเพื่อนขอยืมเงิน 5,000 บาทแล้วจะคืน พอถึงกำหนดคืนก็คืนพร้อมดอกเบี้ย 500 บาท จน พ.ค. 2564 กลางปีเพื่อนก็โทรมาหาบอกว่าจะพาคนมายืมเงิน 500,000 บาท เป็นนายหน้าขายที่ดินแต่หมุนเงินไม่ทัน ชวนรับฝากโฉนดหากได้เงินจะรีบนำมาคืนพร้อมจ่ายดอกเบี้ย 100,000 บาท

...

ตอนนั้นเพราะความไว้ใจ ด้วยความเป็นเพื่อนและเห็นว่าเดือนเดียวเองไม่นานเท่าไรก็เลยให้ยืมไป จากนั้นเพื่อนติดต่อมาครั้งที่สอง ชักชวนลงทุนยื่นกู้สินเชื่อให้กับผู้ที่ติดแบล็กลิสต์ มาลงทุนกับธนาคารพาณิชย์พร้อมธนาคารอนุมัติ โดยบอกว่าระยะเวลาไม่นานก็จะได้ดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นคืน ทำให้ตนลงทุนไป 2 ล้านบาท แต่ไม่ได้เงินคืนตามที่ต้องการ แต่พอทวงถามก็บอกว่าต้องจ่ายเงินเพื่อนำเงินออกจากระบบ แต่เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนจึงเชื่อใจและโอนเงินให้อีกหลายครั้ง

รวมทั้ง มีคนตระกูลดังจะมาเคลียร์กับธนาคารเพื่อเอาเงินคืน พร้อมชักชวนลงทุนเชื่อเบิกเงินเกินบัญชีสร้างปั๊มน้ำมันมูลค่า 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหลอกครั้งที่ 3 พร้อมบอกว่าคราวนี้จะได้เงินคืนแน่นอน โดยเพื่อนกับสามีโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ่ายภาพที่สำนักงาน ปตท. จนมารู้ความจริง ต.ค. 2564 เพื่อนยอมรับว่าทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง ซึ่งตนต้องนำเงินของตัวเองและครอบครัวมาลงทุน แต่มาพบว่าเพื่อนซื้อบ้านใหม่ รถใหม่ กินหรูอยู่สบาย ทำให้แค้นใจมาก เพราะชีวิตตนต้องมาพังเพราะเชื่อใจเพื่อน.