สธ.ยัน ไร้ เงินทอน "วัคซีนโควิด-19" จัดหาโปร่งใส ทุกวัคซีนในไทยมีประสิทธิภาพ ย้ำ ขออย่าด้อยค่าวัคซีน ระบุ สิ้น ก.ย.วัคซีนเข้าไทย 15 ล้านโดส
วันที่ 4 ก.ย.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลง ยืนยันประสิทธิผลวัคซีนทุกชนิดที่ใช้ในประเทศไทย ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 ในทั่วโลก ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งประเทศสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ทั้งที่ได้มีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนไปจำนวนมาก ดังนั้น วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้ควบคุมโรค แต่ถ้าไม่มีมาตรการอื่นๆ มาช่วยเสริมก็จะทำให้การควบคุมการระบาดได้ไม่ดีเท่าที่ควร
สำหรับสถานการณ์ไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15,942 ราย และเสียชีวิต 257 ราย ถือว่าอยู่ในแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง แต่ก็ต้องระมัดระวังและต้องติดตามการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ขอความร่วมมือประชาชน และผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ต้องรับวัคซีน และขอให้ไปรับวัคซีน
ตลอดในช่วง 1เดือนที่ผ่านมาขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ในส่วนกทม.ยังคงพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
“ขอยืนยันว่าขณะนี้ฉีดไปแล้ว 35 ล้านโดส ยังไม่มีรายได้ที่เสียชีวิตจากวัคซีนโดยตรง ซึ่งภาพรวมของการติดเชื้อในประเทศไทย มีแนวโน้มลดลง แต่ต้องคงมาตรการเฝ้าระวังควบคุม โดยเฉพาะมาตรการส่วนบุคคล อยากให้ทุกคนป้องกันตนเองสูงสุดในทุกที่ทุกเวลา เพราะถึงจะมีมาตรการผ่อนคลาย เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้อย่างการผ่อนคลายร้านอาหาร ขอให้เคร่งครัดทั้งเจ้าของสถานที่ และผู้มาใช้บริการ”นพ.โอภาส กล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า การจัดซื้อจัดหาวัคซีน ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่มีเรื่องเงินทอน ซึ่งวัคซีนในไทยทั้ง 3 ชนิดหลักๆ คือ วัคซีนเชื้อตาย วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนชนิดไวรัส เวคเตอร์ อย่าง ซิโนแวค เป็นวัคซีนเชื้อตายที่ สธ.ได้จัดหามาตั้งแต่เดือน ก.พ.2564 เป็นที่ทราบว่า ราคาวัคซีน 17 เหรียญ แต่ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 9 เหรียญ ถ้าเทียบกับวัคซีนชนิดเดียวกันเชื้อตาย จะเห็นว่า ไทยสามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่า 50% ขอยืนยันว่า ไม่มีเงินทอนแน่นอน
...
เช่นเดียวกัน ส่วน ไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีน ชนิด mRNA ถ้าเทียบกับวัคซีนชนิด mRNA อื่นๆ ก็จะเห็นได้ว่า ราคาที่ สธ.จัดหาจัดซื้อก็ราคาถูกกว่า 50% และ แอสตราเซเนกา ที่ทำสัญญาจองล่วงหน้าเป็นเวลานาน ราคาที่เราใช้จ่ายไป ซึ่งเป็นเงินของประชาชน ก็ราคาถูกกว่าวัคซีนทุกชนิดที่เราสามารถจัดหาได้
สำหรับการทำสัญญานั้น วัคซีนทั้ง 3 ชนิด ได้มีการทำสัญญาจองมาตั้งแต่ปี 2563 ตั้งแต่การวิจัยยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งการลงนามในสัญญาเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย และเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยการลงนามในสัญญาวัคซีนโควิด-19 จะมีข้อกำหนดทุกครั้งว่าต้องไม่เปิดเผยข้อมูลในสัญญา
"ขอยืนยันในความโปร่งใสของสธ.ในการจัดหาวัคซีน ยืนยันประสิทธิภาพ ยืนยันความปลอดภัยในมาตรฐานสากล ดังนั้น ขอความกรุณาพี่น้องประชาชนคนไทยอย่าด้อยค่าวัคซีนจนทำให้หลายคนกลัวการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ การจัดหาวัคซีนเพื่อประโยชน์ เพื่อชีวิตของพี่น้องคนไทย ขอเชิญชวนมารับวัคซีนให้ครบถ้วนตามที่สธ. และรัฐบาลกำหนด" นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับประโยชน์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีตัวอย่างที่น่าสนใจซึ่งทาง จ.ภูเก็ต ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอข้อมูลรับนักท่องเที่ยว ตามโมเดล PHUKET SANDBOX พบว่า ข้อมูล ณ วันที่ 2 ก.ย.2564 มีจำนวนเที่ยวสะสม 333 เที่ยวบิน รับนักท่องเที่ยวสะสม 27,216 คน ผลการตรวจเชื้อสะสมเป็นลบ หรือ Negative 27,130 คน รอผลการตรวจ 1 คน พบผู้ติดเชื้อ 85 คน (0.31%) หรือ 300 คน พบผู้ติดเชื้อ 1 คน รักษาหายแล้ว 20 คน
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาร่วมโครงการ PHUKET SANDBOX (วันที่ 1ก.ค.-31 ส.ค.2564) ต้องได้รับการฉีดวัคซีนมาทุกคน ยกเว้นเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ซึ่งได้เดินทางมาพร้อมผู้ปกครอง จะเห็นได้ว่าในข้อมูลที่มีความครบถ้วนที่ติดตามการตรวจ เป็นข้อมูล 2 เดือนเต็ม
โดยอัตราการติดเชื้อ จำแนกตามชนิดวัคซีน ใน 77 ราย ไม่ได้รับวัคซีน (เด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี) 6 ราย พบว่า ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนโคซิวิว แอสตราเซเนกา ซิโนแวค จอนห์สัน แอนด์ จอนห์สัน ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา อัตราการติดเชื้อในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนแล้วค่อนข้างต่ำ โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 0.3%
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว แต่ก็ยังสามารถติดเชื้อได้ แต่คนกลุ่มนี้ไม่มีใครป่วยหนัก หรือทำให้เกิดปัญหาการติดเชื้อ โดย 73% จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการ และ 26% จะเป็นกลุ่มที่แสดงอาการน้อย อีกทั้งส่วนใหญ่จะตรวจพบเชื้อใน 7 วันแรก หรือพบในวันที่เดินทางมาถึงประเทศไทย
มาตรการที่ PHUKET SANDBOX กำหนดไว้ ถือเป็นมาตรการที่มีคุณภาพในการลดความเสี่ยง และส่งเสริมให้เกิดการดำเนินการกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจในการท่องเที่ยวได้
ส่วนข้อมูลการฉีดวัคซีนในจังหวัดภูเก็ต (ไม่รวม PHUKET SANDBOX) พบว่า ความครอบคลุมของวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม มากถึง 86.11% โดยกลุ่มผู้สูงอายุได้รับวัคซีน 93.4% ส่วนความครอบคลุมของวัคซีนครบ 2 เข็ม อยู่ที่ 76.32% มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 3,754 ราย ในจำนวนนี้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม 2,375 ราย (63.23%)
มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 12 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด และมีโรคประจำตัว 11 ราย ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 เข็ม 1 ราย (ก่อนป่วย 46 วัน) ประวัติไม่ได้รับวัคซีน 11 ราย อยากเน้นย้ำว่า วัคซีนมีประโยชน์สูงในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า วัคซีนซิโนแวค ถือเป็นวัคซีนที่ใช้มากในประเทศไทย ช่วงเดือน มี.ค. เป็นต้นมา เราทบทวนข้อมูลย้อนหลัง จะเห็นว่าการระบาดที่สมุทรสาคร ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2563 มาจนถึง มี.ค.2564 สายพันธุ์ G พบว่า ซิโนแวคปกป้องประชาชนและบุคลากร ลดป่วย/ลดตาย 90.5%
ต่อมาเดือน เม.ย.-พ.ค.2564 สายพันธุ์อัลฟา ระบาดในกทม.และปริมณฑล ซิโนแวคช่วยบรรเทาการระบาดในพื้นที่ ลดป่วย/ลดตาย 90.7%
มิ.ย.2564 สายพันธุ์อัลฟา ระบาดในรพ.เชียงราย ใช้ซิโนแวค หรือแอสตราเซเนกา ช่วยปกป้องบุคลากรไม่ให้ป่วยหนักและเสียชีวิต 82.8%
มิ.ย.-ส.ค.2564 สายพันธุ์เดลตา ระบาดแทนสายพันธุ์อัลฟา ซิโนแวคประสิทธิภาพ 75% เปลี่ยนเป็นสูตรไขว้ ซิโนแวค+แอสตราเซเนกา สร้างภูมิคุ้มกันต้าน เดลตา ได้หลังฉีดเข็มสอง 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เข็มที่ 1 ซิโนแวค และเข็มที่ 2 แอสตราเซเนกา ขณะนี้ได้ฉีดแล้ว 2.5 ล้านคน เสียชีวิตจากโควิดเพียง 1 ราย ซึ่งถือเป็นตัวเลขอัตราการตายที่ต่ำมาก เพราะตัวเลขของผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน 1 ล้านคน จะตายจากโควิดได้ถึง 132 คน เมื่อเทียบกับกรณีนี้ไม่ถึง 1 ในล้าน และใกล้เคียงกับการฉีดแอสตราเซนเนกา
จากการเก็บข้อมูลดังกล่าว ทำให้เห็นได้ว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เข็มที่ 1 ซิโนแวค ตามด้วยเข็มที่ 2 แอสตราเซนเนกา มีประโยชน์อย่างมากในการระบาดช่วงสายพันธุ์เดลตา
สำหรับ แผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งขณะนี้อยู่ในเดือน ก.ย. คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ จะมีวัคซีนมากกว่า 15 ล้านโดส โดย 3 วัคซีนหลักที่จะมีในประเทศไทย ได้แก่ ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 7.3 ล้านโดส และไฟเซอร์ 2 ล้านโดส
เดือน ต.ค. คาดว่าจะมีวัคซีนทั้งหมด 24 ล้านโดส ทั้งในส่วนของซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตราเซนเนกา 10 ล้านโดส และไฟเซอร์ 8 ล้านโดส
ส่วนปลายปี เดือน พ.ย. และ ธ.ค.จะมีวัคซีนเข้ามาเดือนละ 23 ล้านโดส