ตามสูตรขอเวลา 14 วันเพื่อประเมินสถานการณ์การระบาด จากมาตรการรอบล่าสุดที่เพิ่มข้อบังคับล็อกดาวน์และขยายพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด ท่ามกลางความหดหู่สิ้นหวังของคนทั้งประเทศที่ต้องเผชิญยอดผู้ติดเชื้อรายวันเกือบ 2 หมื่นคน และเสียชีวิตกว่าร้อยศพ ถ้าเทียบสัดส่วนประชากร ตัวเลขของไทยเลวร้ายกว่าอินเดียในช่วงที่วิกฤติสุดๆเสียด้วยซ้ำ
ในเมื่อรัฐบาลล็อกดาวน์แบบกล้าๆกลัวๆ รถราเต็มถนน ผู้คนเดินทางกันสลอน แถมล็อกแล้วไม่เร่งปูพรมตรวจคัดแยกผู้ติดเชื้อ วัคซีนก็กระจายไปพื้นที่เสี่ยงได้ไม่ทั่วถึง ตัวเลขผู้ติดเชื้อถึงลดลงไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้
แต่จะโทษรัฐบาลอย่างเดียวก็ใช่ที่ ในยามศึกสงคราม (เชื้อโรค) ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ตระหนักถึงมหันตภัยร้ายนี้อย่างจริงจัง ก็ยากจะเอาชนะเชื้อโควิดได้ ฉะนั้น ผมอยากให้ทุกคนฮึดกันหน่อย ช่วยกันระมัดระวังลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า หลังจากประกาศลดการเดินทางตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว พบแนวโน้มลดลง แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่าง กทม.และชลบุรี ปีที่แล้ว ลดลงได้ 80% แต่ปีนี้ทำได้แค่ 70% ต้องขอความร่วมมือทำให้ความเสี่ยงลดลง เชื้อโรคจะไม่มีที่ไปต่อ ถ้าลดการเดินทาง เชื้อโรคก็ลดโอกาสแพร่เชื้อ ตอนนี้เป็นเวลาทองใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าร่วมมือเต็มที่ ยุติชะลอการแพร่ระบาดได้ เราก็จะปลอดภัยกันทั้งสังคม
ขณะที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จากการคาดการณ์การติดเชื้อและเสียชีวิตหลังล็อกดาวน์ พบตัวเลขสถานการณ์จริงทั้งติดเชื้อและเสียชีวิตใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ประสิทธิภาพการล็อกดาวน์ 20% อย่างไรก็ตาม หากเพิ่มประสิทธิภาพการล็อกดาวน์ให้ได้เป็น 25% ร่วมกับการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุ จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงได้ค่อนข้างมาก
...
ปลัด สธ.กล่าวว่า การเพิ่มประสิทธิภาพ 5% จะมีผลอย่างมาก ดังนั้น เราจึงต้องร่วมกันควบคุมการติดเชื้อ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันล็อกดาวน์ให้ถึง 25% ทั้งเรื่องของการงดการเดินทาง การไปพบปะ การดูแลตนเองที่ต้องทำเข้มข้นขึ้น
แม้เป็นคำพูดย้ำเตือนซ้ำๆเดิมๆที่ฟังจนเอียน แต่จะเบื่อไม่ได้เด็ดขาด มันเป็นสิ่งจำเป็นที่พึงปฏิบัติ และยังต้องทำอย่างนี้ไปอีกนาน การ์ดตกเมื่อไหร่เป็นโดนเมื่อนั้น เพราะถึงวันนี้ก็เห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ โดยเฉพาะ นายกฯบิ๊กตู่ นายกฯซิงเกิลคอมมานด์ รวบอำนาจไว้เต็มพิกัด แต่เทกแอ็กชันไม่เป็น อืดอาดเฉื่อยชา ไร้ไอเดียแก้ปัญหา ขนาดคำพูดปลุกใจขอประชาชนให้ความร่วมมือ ชาวบ้านฟังแล้วยังไม่ค่อยเชื่อมั่นเลย
คำสั่ง อย่าให้เห็นมีคนตายคาบ้านคาถนนอีก พูดได้สั่งได้ แต่ทำไม่ได้ ตราบใดที่คนติดเชื้อเพิ่มวันละหมื่นกว่า เตียงและบุคลากรทางการแพทย์รองรับไม่ทันแน่สถานการณ์วิกฤติแบบนี้ไม่ใช่อยู่แค่ กทม. วันนี้ลามไปหลายจังหวัดแล้ว มีข่าวสลดใจทุกวัน วันละหลายราย คนป่วยโควิดไม่ทันได้ไปรักษาที่โรงพยาบาล นอนตายคาบ้าน สิ้นใจล้มตายกลางถนน
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ต้องเร่งฉีดวัคซีนป้องกันอย่างเดียว การรักษาผู้ป่วยให้ทันท่วงทีก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าอาการสีเขียว สีเหลือง สีแดง โทร.ไปสายด่วนที่ภาครัฐประชาสัมพันธ์ไว้ แต่ไม่มีการตอบรับ ปล่อยให้รออย่างสิ้นหวัง ถ้าบิ๊กตู่ลองไปลงพื้นที่เองแล้วจะรู้สภาพความจริงอันน่าเศร้าใจ
มัวแต่นั่งทำงานในห้องแอร์แล้วปิดปากสื่อ ชาวบ้านถึงได้สิ้นหวังลงทุกที.
ลมกรด