ผมดูข่าวทีวี มีหนุ่มสาวมากมายไม่สนใจว่านายกฯจะอยู่หรือจะไป กลุ่มหนึ่งหาออกซิเจนไปช่วยให้ลมหายใจคนป่วยที่ไปไม่ถึงหมอ เจอคนตายต่อหน้า เหนื่อยล้าแค่ไหนก็กัดฟันสู้ต่อ
อีกกลุ่มทำข้าวกล่อง ตอนแรกตั้งใจทำช่วยแนวหน้า หมอพยาบาล ฯลฯ ตอนนี้เจือจานไปถึงคนทั่วไป
ยังมีกลุ่มหายา...ยาที่ว่า ในสถานการณ์ที่โรงพยาบาลยังขาดแคลน...ก็เป็นพวกสมุนไพร เราได้ยินฟ้าทะลายโจร จำเพาะที่ผลิตจากโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ที่ทำท่าจะเป็นสมุนไพรหลักไปแล้ว
วันสองวันนี้ เพิ่งได้ยิน “เจ็ดนางฟ้า” ตำรับฟังว่ามาจากสระบุรี ก็พวกขิงข่าตะไคร้ กระชาย ฯลฯ รวมเจ็ดอย่าง เอามารวมกันต้มเป็นน้ำ แล้วแจกให้คนไร้บ้านได้ทดลอง...ตอนร้อนๆ
สูดกลิ่นเข้าจมูก จนกลิ่นจาง พอเย็นก็ดื่มลงไป มีเสียงขานรับจมูกโล่ง อีกคนว่าไข้หายไปเลย
ผลสัมฤทธิ์ สมุนไพรเจ็ดนางฟ้า จะแค่ไหน ไม่ว่ากัน เอากันทางจิตวิทยา แค่ได้ยินชื่อยามยาก เหมือนมีนางฟ้ามาโปรด ก็ชื่นใจแล้ว
โลกเรายังสวยงามอยู่ไม่น้อย เรายังมีคนเก่งคนดีที่พร้อมเป็นจิตอาสา ในทุกที่ว่างที่พอจะช่วยเติมเต็มได้
หันมานึกถึงคนที่ไม่มีเรี่ยวแรงกำลัง ตั้งหลักรักษาชีวิตให้รอดอยู่ในบ้าน ว่ากันเฉพาะคนแก่อย่างพวกผม นี่ก็พยายามรักษาตัวตน กันมาใกล้จะสองปี เออ! ยังโชคดี ที่ยังไม่ตาย
แต่การอยู่แบบนั่งๆนอนๆน่าจะเหงา ดูหนัง ฟังเพลง ฟังพระเทศน์ เลือกองค์ที่เทศน์ถูกจริต เอาเคล็ดวิชามานั่งสมาธิ นับลมหายใจ หลายคนที่ผมรู้จักพยายามแล้ว ยังไม่ “ลงตัว”
หลวงพ่อพุทธทาส เทศน์ดังกังวานมาจากสวนโมกข์ ไชยา (เปิดยูทูบไงครับ) การทดลองฝึกแบบอานาปานสตินั้น...เหมือนหัดขี่จักรยาน
ตอนแรกก็ล้มลุกคลุกคลาน มือและเท้ากับรถยังไม่สัมพันธ์กัน แต่เพื่อลองๆไปทรงตัวขึ้นรถ ขี่ไปตรงๆได้
...
ทีนี้...จะไปทางไหนก็ไป จะเลี้ยวซ้ายขวา...ก็ไป ไม่ช้า...ก็ถึงจุดที่จิตนิ่ง
แค่สมาธิเฉียดๆพระท่านเรียกอุปจารสมาธิ จิตก็จะมี “ปีติ” คือความ “อิ่มใจ” ให้เป็นรางวัล
นี่เป็นข้อแนะนำสำหรับมือใหม่หัดขับ แต่สำหรับมือเก่าที่นั่งสมาธิจนได้ “วสี” คือความคุ้นเคย นานพอก็มีคำถาม นั่งสมาธินานๆ จนเมื่อย น่าจะมีบางวิธีมาคลี่คลาย
วิธีที่ว่า ทางพระเขาสอนกันมานาน คือการเดิน แต่เป็นการเดินแบบมีสติเรียกกันว่า เดินจงกรม
ที่มาของการเดินจงกรม อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก เขียนไว้ในหนังสือพุทธจริยวัตร 60 ปาง ปางจงกรมแก้ว เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่สร้างสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
จงกรมแปลว่า “เดินธรรมดา” ใช้กันในความหมาย เดินช้าๆ เดินกลับไปกลับมา การฝึกสมาธิบางวัด พระท่านทำที่เดินจงกรมเป็นพิเศษ บางแห่งทำเป็นแท่น เจตนาทำให้เดินกลับไปกลับมาหลายเที่ยว
จุดประสงค์การเดินจงกรม ในกรณีของพระพุทธองค์ เข้าใจว่าคือการเปลี่ยนอิริยาบถในคืนตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ทรงประทับ (นั่ง) เป็นส่วนมาก ไม่ได้เสด็จดำเนินเลย
ใต้ต้นโพธิ์ก็นั่ง ใต้ต้นไทรก็นั่ง ใต้ต้นเกดก็นั่ง ใต้ต้นจิกก็นั่ง แต่ละแห่งนั่งมาราธอนถึง 7 วัน
ตามพุทธประวัติ พระพุทธองค์ทรงนั่งสี่สัปดาห์ใต้ต้นไม้สี่ต้น ต่อมาพระอรรถกถาจารย์ เติมให้ทรงเดินจงกรมต่ออีก 3 สัปดาห์ นัยแรกเปลี่ยนอิริยาบถ นัยต่อมาย้ำข้อปฏิบัติทางสายกลาง นั่งติดต่อกันนานๆนัก ก็พัก
แต่เป็นการพักอย่างมีสติกำกับทุกย่างก้าว เป็นการพักผ่อนที่ไม่เป็นการพักผ่อน พุทธศาสนาย้ำว่าต้องเพียรพยายามทำสมาธิหาความหลุดพ้น (นิพพาน) ถ้าจำเป็นต้องนอน ก็นอนให้น้อยที่สุด
แต่สำหรับชาวบ้าน นั่งบ้าง เดินบ้าง นอนบ้าง รักษาสมดุลชีวิตเอาไว้ ถ้าร่างกายแข็งแรง หาฉีดวัคซีนให้ได้ ถึงโควิดมันรุกเข้าตัว หมอท่านว่า ถึงจะตายก็ตายช้าลง.
กิเลน ประลองเชิง