โรงพยาบาลเด็ก เปิดรับบริจาค โครงการ "เด็กแรกเกิดต้องรอด" เพื่อเตรียมสถานที่และอุปกรณ์สำหรับรองรับการดูแลทารกแรกเกิดที่มีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 หรือคลอดจากมารดาที่ติดเชื้อ

นายแพทย์เสรี ตู้จินดา ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก กล่าวว่า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือในชื่อเดิมคือ โรงพยาบาลเด็ก เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งเดียวในประเทศไทย ที่รับดูแลแต่ผู้ป่วยเด็กเท่านั้น ให้การดูแลตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึง 15-18 ปี โดยหน่วยทารกแรกเกิด สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านทารกแรกเกิดของกรมการแพทย์ ให้การดูแลทารกที่คลอดที่ รพ.ราชวิถีทุกราย ทั้งทารกปกติที่อยู่กับมารดา และทารกที่มีอาการป่วย ซึ่งจะได้รับการส่งต่อมารับการรักษาที่สถาบันฯ

นอกจากนี้ ยังให้การดูแลรักษาทารกวิกฤติ หรือมีปัญหาซับซ้อนที่ส่งต่อมาจาก รพ.ทั่วประเทศ โดย รพ.ราชวิถี ซึ่งเป็น รพ.ศูนย์ขั้นสูงระดับตติยภูมิ และให้การดูแลและรับส่งต่อมารดาที่มีความเจ็บป่วยซับซ้อนเช่นเดียวกัน ปัจจุบันสถิติมารดาคลอดประมาณ 400-500 รายต่อเดือน พบจำนวนมารดาที่เป็นโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 10 ราย ในเดือนพฤษภาคม เป็น 29 ราย ในเดือนมิถุนายน และเพียงแค่ 11 วันแรกของเดือนกรกฎาคมนี้ พบมารดาที่ติดเชื้อแล้วถึง 16 ราย รวมพบเป็น 55 ราย

นายแพทย์เสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า มารดาที่เป็นโรคโควิด-19 ต้องได้รับการดูแลในห้อง หรือเต็นท์ความดันลบ ทั้งก่อนคลอด ขณะคลอด และหลังคลอด รวมทั้งห้องผ่าตัดความดันลบหากจำเป็นต้องผ่าคลอด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยจากการแพร่กระจายเชื้อสู่ทารก และบุคลากรผู้ดูแล

...



จากมารดาป่วยด้วยโรคโควิด-19 ทั้งหมด 55 ราย ใน รพ.ราชวิถี ได้รับการผ่าตัดคลอดประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งมารดาหลายคนมีภาวะปอดบวมอย่างรุนแรง ซึ่งยากต่อการรักษากว่าผู้ป่วยอื่น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จำเป็นต้องใช้ยาหลายชนิดในการดูแลรักษา ซึ่งอาการของมารดาจะส่งผลกระทบต่อทารก และมารดาที่ติดเชื้อมักมีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด หรือทำให้อาการของมารดา และ/หรือ ทารกทรุดลง จำเป็นต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉิน ส่งผลให้ทารกส่วนหนึ่งต้องคลอดก่อนกำหนด หรือมีภาวะขาดออกซิเจน ต้องได้รับการกู้ชีพหลังคลอด ใช้เครื่องช่วยหายใจ และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นของทั้งมารดาและทารก

หลังคลอดทารกที่มีอาการ โดยเฉพาะทารกที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจำเป็นต้องอยู่ในห้องความดันลบ แยกจากทารกอื่นเพื่อลดโอกาสแพร่กระจายเชื้อ จนกว่าจะทราบผลตรวจที่อายุ 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ จากรายงานการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ มีโอกาสติดเชื้อจากมารดาค่อนข้างน้อย ประมาณ 1-3% แตกต่างกันตามรายงานในแต่ละที่ จากการที่สถาบันฯ ดูแลทารกทั้งหมด 55 ราย พบว่าอาจติดเชื้อจากมารดาตั้งแต่ในครรภ์ 1 ราย ซึ่งเป็นทารกส่งต่อมาจาก รพ.อื่น และทารกอีก 5 ราย ติดเชื้อจากคนในครอบครัวหลังคลอด นั่นคือสิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ และอาจเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากได้ ถ้าสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่น้อยลง

ด้าน นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า ในภาวะปกติ เตียงของทารกที่สถาบันฯ ซึ่งมีจำนวน 70 เตียง รองรับผู้ป่วยเต็มจำนวนเกือบตลอดเวลา แต่สถานที่ไม่พร้อมที่จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ หากเกิดการระบาดขึ้น ทางหน่วยทารกแรกเกิดจึงได้เตรียมห้องความดันลบสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิดจำนวน 2 ห้องไว้ ตั้งแต่การระบาดระลอกแรกเมื่อปลายปี 2563 ซึ่งได้รับความกรุณาอย่างยิ่งจากทีมวิศวกรจุฬาฯรุ่น 75 และชุมชนคนอินเดียในประเทศไทย (Thai-Indian community) ทำให้เราสามารถให้การดูแลทารกได้อย่างดีในช่วงแรก



แต่จากสถานการณ์ขณะนี้พบว่า เตียงในห้องความดันลบที่เรามีอยู่ไม่พอต่อการรองรับผู้ป่วย ในบางช่วงมีทารกต้องใช้ห้องในเวลาเดียวกันมากกว่าที่จะรองรับได้ รวมทั้งทารกที่ติดเชื้อโควิด-19 จะใช้เวลาอยู่ใน รพ.เป็นเวลานาน 10-14 วัน ทำให้ไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก ซึ่งจะเป็นปัญหามากในอนาคตอันใกล้ อีกทั้งจากจำนวนทารกแรกเกิดที่ป่วยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจำเป็นต้องขยายเตียง ICU และ semi-ICU เพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อสามารถให้การดูแลทารกป่วยด้วยโควิด-19 ได้ จำนวน 6-8 ราย ในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม นอกจากภาระดูแลทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นโควิด-19 ทั้งที่ รพ.ราชวิถี และสถาบันฯเอง เรายินดีที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ รพ.ที่ไม่สามารถดูแลทารกที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมบริจาคเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับเด็กทารกแรกเกิดที่แม่ติดเชื้อจากโควิด-19 ได้ที่ชื่อบัญชี สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 051-2-09873-5 โดยระบุ “เด็กแรกเกิดต้องรอด” (ใบเสร็จรับเงินสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า) โดยส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมชื่อ-สกุล เบอร์โทร เพื่อรับใบเสร็จรับเงิน ที่ LINE OA: @thaichf24 หรืออีเมล thaichf24@gmail.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2354-8321 หรือ 09-0663-1479