- คุยกับ "Jasper Z" เปิดมุมมอง "คอสเพลย์" ไม่ใช่แค่แต่งตัวตามการ์ตูน เดินสายประกวด พิสูจน์ตัวเองไปพร้อมๆ กับสิ่งที่ชอบ
- Thames Malerose คอสเพลย์มืออาชีพ เปลี่ยนมุมมอง ไม่แคร์คนบูลลี่ เพราะให้คุณค่ากับตนเองมากกว่าคนอื่น สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้
- ความสำคัญของ สมาคมอุตสาหกรรมคอสเพลย์ไทย
เมื่อพูดถึงคนที่แต่งตัว หรือสวมบทบาทเป็นตัวการ์ตูน ตัวละคร ที่หลายเรียกว่า "คอสเพลย์" เชื่อว่ามีคนไม่น้อย ที่ยังมองว่า การแต่งตัวแบบ "คอสเพลย์" เดินในที่สาธารณะ ต้องเป็นคนที่กล้าประมาณหนึ่ง และเป็นสิ่งที่ยังแปลกตาสำหรับคนที่ไม่อินกับคอสเพลย์ แต่ในปัจจุบันโลกของคอสเพลย์ได้เปิดกว้างมากขึ้น มีการจัดงานคอสเพลย์ทั่วประเทศ จนอาจเรียกได้ว่า การแต่งคอสเพลย์ อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป
แต่รู้หรือไม่ว่า ภายใต้ความน่ารักสดใสของคอสเพลย์ สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงได้มากมาย
"Jasper Z" เส้นทางพิสูจน์ตัวเองพร้อมกับสิ่งที่ชอบ
เซ่ - รุจิภาส ดิษฐพรม หรือที่รู้จักกันในชื่อ Jasper Z คอสเพลเยอร์ชื่อดัง กล่าวว่า นิยามคำว่า "คอสเพลย์" ที่หลายคนเข้าใจมาจากคำว่า Custom (เสื้อผ้า) + play (การเล่น) รวมกันเป็นคำว่า Cosplay คือ การเล่นสนุกกับการแต่งกาย ในปัจจุบันตนมองว่า คอสเพลย์ คือการแต่งกายเป็นตัวละคร หรือสวมบทบาทตัวการ์ตูนที่ตัวเองชอบ
คนที่แต่งคอสเพลย์ มักจะเริ่มมาจากการอ่านการ์ตูน ดูแอนิเมชั่น ชอบดูหนัง เสพสิ่งบันเทิง ซึ่งตนชอบงานที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ งานประดิษฐ์ งานคราฟต์ อยู่แล้ว จึงมองว่า คอสเพลย์ ค่อนข้างตอบโจทย์ทำให้ชอบการแต่งคอสเพลย์
...
จุดเริ่มต้นของการแต่งคอสเพลย์ เริ่มตั้งแต่ช่วง ม.ต้น งานอดิเรก คือ การดูการ์ตูน ที่ฮิตมากในช่วงนั้นคือ "ช่อง 9 การ์ตูน" กับกลุ่มเพื่อนที่ชอบการ์ตูนเหมือนกัน จากนั้นเพื่อนก็ชวนให้ลองแต่งตัวเป็นตัวการ์ตูน ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า "คอสเพลย์" คืออะไร แต่ฟังแล้วรู้สึกสนใจ เลยถามเพื่อนว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อนก็ค่อยๆ อธิบาย แล้วชวนเราแต่งคอสเพลย์ไปงานด้วยกัน เป็นการจัดประกวดแบบมีตติ้งเล็กๆ ในงานนี้ทำให้เจอคนที่มีความชอบเหมือนเราเยอะมากเลย รู้สึกว่ากิจกรรมแบบนี้ค่อนข้างสนุก และได้เพื่อนเพิ่มขึ้น โดยตัวการ์ตูนที่คอสเพลย์ครั้งแรกเลยก็คือ "คุราม่า โยโค" จากเรื่อง คนเก่งทะลุโลก หรือ คนเก่งฟ้าประทาน (YuYu Hakusho)
"คอสเพลย์" จากอดีตมาถึงปัจจุบัน
ส่วนตัวมองว่าค่อนข้างแตกต่างอย่างมาก สมัยก่อนเป็นจะเป็นกลุ่มคนเล็กๆ เวลาซื้อวิกผม สเปรย์พ่นสีผม หรือทำสีผมตามตัวการ์ตูนที่ชอบ จะต้องชวนเพื่อนไปสำเพ็ง ซึ่งขายแบบขายส่ง ต้องช่วยกันซื้อแล้วมาหารกัน แต่ปัจจุบันมีพัฒนาการเรื่องสินค้า สามารถสั่งซื้อวิกผมได้ เลือกได้ว่าจะเอาวิกนำเข้าจากจีน หรือญี่ปุ่น พูดง่ายๆ คือ สะดวกมากขึ้นกว่าสมัยก่อน
คนที่มองว่าคอสเพลย์เป็นแค่งานอดิเรก ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จริงๆ อยู่ที่ตัวของคนแต่งคอสเพลย์เองด้วย นอกจากเรื่องคอสตูมแล้ว คอสเพลย์ยังเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง บุคลิกภาพ การแต่งหน้า ทำผม เพื่อให้เหมือนกับตัวการ์ตูนที่เราคอสเพลย์ ดังนั้น คนที่ไม่เคยแต่งคอสเพลย์ ไม่เคยมาสัมผัสจุดนี้ หากมองว่าเป็นงานอดิเรกจึงไม่ใช่เรื่องผิด
แต่คนที่ลองแต่งคอสเพลย์แล้วจะรู้ได้เองว่า จะสามารถสร้างอาชีพได้ไหม ยกตัวอย่าง วันนี้อยากแต่งคอสเพลย์ เลยไปเช่าชุด เพื่อใส่ไปถ่ายรูป จะเริ่มเห็นว่า มีธุรกิจหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ธุรกิจเช่าชุด ตากล้อง สตูดิโอ ด้วยความที่คอสเพลย์เป็นกลุ่มก้อน เราจึงไม่ได้มองแค่ตัวคอสเพลเยอร์เท่านั้น เช่นเดียวกับ นักฟุตบอล จะเกี่ยวโยงกับ คนขายชุดกีฬา ธุรกิจเช่าสนาม
Jasper Z บอกด้วยว่า ตนเองอยู่ในวงการนี้มานาน ได้รับเชิญไปออกงาน และขึ้นเวทีประกวดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ชุดที่ใช้ก็มีหลายรูปแบบ ซึ่งชุดที่ใช้ในการประกวด จะทำเองทั้งหมด เพราะในการประกวดจะมีการให้คะแนนจากความคิดสร้างสรรค์ ต้องจ้างช่างตัดชุดให้ แล้วเรามาทำรายละเอียดเพิ่ม
ส่วนตัวมองว่า การทำชุดเองเป็นเรื่องของศิลปะ ผลงานที่ได้จะเป็นเอกลักษณ์ของเรา แม้จะคอสเพลย์เป็นตัวละครเดียวกัน แต่เมื่อแต่งออกมาเห็นถึงความแตกต่าง
เส้นทางการประกวด กวาดมาหลายรางวัล
Jasper Z เล่าว่า ตอนแรกเริ่มคอสเพลย์ ครอบครัวไม่ยอมรับ เขามองว่าเป็นงานอดิเรกที่ใช้เงินค่อนข้างสูง กลัวว่าจะไม่ตั้งใจเรียน แต่ส่วนตัวเป็นคนที่กระหายการยอมรับ จึงต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า เราสามารถทำในสิ่งที่ชอบพร้อมกับการจัดการชีวิตได้ด้วย จากนั้นก็เริ่มเดินสายประกวด ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการชิงดีชิงเด่น แต่ทำให้เขาเห็นว่า เป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ มีการสร้างเนื้อเรื่องขึ้นไปแสดงบนเวที
เริ่มจากการประกวดในประเทศไทยก่อน เป็นการประกวดแบบทีมกับเพื่อนๆ หลังจากได้รับชัยชนะ ที่บ้านก็เข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จากนั้นได้เข้าร่วมการประกวด World Cosplay Summit Thailand 2008 เพื่อหาตัวแทนจากประเทศต่างๆ ไปแข่งที่ญี่ปุ่น ซึ่งตนได้รางวัลชนะเลิศทั้ง 2 ปี คือ ปี 2008 และ ปี 2009 ได้เป็นตัวแทนไปแข่งที่ญี่ปุ่น แต่ในตอนนั้นยังเด็ก มีความคิดว่า ถึงไม่ชนะก็ไม่เป็นอะไร อย่างน้อยก็ได้ไปญี่ปุ่นฟรีก็ยังดี สุดท้ายก็ไม่ชนะ
ยอมรับว่า ตอนนั้นเราประสบการณ์เรายังน้อย เลยคิดว่าจะมาเริ่มต้นเก็บประสบการณ์ที่ประเทศไทย พอเริ่มเดินสายประกวด ปรากฏว่าชนะหลายเวที คนก็เริ่มหาว่าเราโกง ติดสินบน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร เพราะครอบครัวฐานะปานกลาง เงินรางวัลก็ไม่ได้เยอะ
"ตอนนั้นค่อนข้างเจ็บปวด เพราะเราใช้ความพยายามค่อนข้างเยอะในทุกการประกวด ประกอบกับตอนนั้นเรียนมหาวิทยาลัย คณะศิลกรรมศาสตร์ ต้องโฟกัสการเรียน ต้องแบ่งเวลามาให้การประกวดด้วย แต่คนกลับมองว่าเราโกง เลยรู้สึกว่าเหนื่อย จึงหยุดการแข่งขันไปช่วงหนึ่ง ไม่อยากประกวดในไทยแล้ว"
กระทั่งเรียนจบ ได้ไปทำงาน แต่ก็ยังรู้สึกว่าคิดถึงการคอสเพลย์ แม้จะแต่งคอสเพลย์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ประกวด พอเรื่องการทำงานเริ่มเข้าที่ จึงกลับมาประกวดคอสเพลย์อีกครั้ง ในงาน Thailand Comic Con 2015 ที่ สยามพารากอน และได้รางวัลชนะเลิศ ประเภทเดี่ยว และได้ที่ 3 ประเภททีม
หลังประกวดในไทยแล้ว มีเพื่อนชวนไปแข่งที่สิงคโปร์ แข่งเป็นทีม ทีมละ 3 คน ในการประกวดครั้งนั้นเราได้รางวัลที่ 1 ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ได้รับเชิญไปงานในประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย จากนั้นก็ไปประกวดที่เกาหลี ซึ่งเราได้ที่ 1 ตอนนั้นคิดว่าเราเก็บประสบการณ์พร้อมแล้ว จึงตัดสินใจลงแข่ง World Cosplay Summit อีกครั้ง ในปี 2018 โดยฟอร์มทีมกับเพื่อนคนหนึ่ง เราได้รางวัลชนะเลิศ เป็นตัวแทนไปแข่งขันที่ นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น
การเป็นตัวแทนไปแข่งที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องเก็บตัวฝึกซ้อม ทำอุปกรณ์เอง ไม่ใช่แค่ใส่ชุด ขึ้นไปเดินแบบ แต่ต้องสวมคอสเพลย์ ไปพรีเซนต์เป็นภาษาอังกฤษบนเวที 1 วันเต็มๆ เพื่อขอคะแนนความคิดสร้างสรรค์ หากไม่ได้ทำชุดเอง ก็จะอธิบายไม่ได้ และการแข่งขันคอสเพลย์มีกฎกติกาชัดเจน เช่น ชุดกับฉาก ห้ามน้ำหนักเกิน 40 กิโลกรัม ฉากห้ามสูงเกิน 2 เมตร เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและป้องกันอันตรายต่างๆ ซึ่งในครั้งนั้น คว้ารางวัลที่ 3 กลับมา ขณะที่ประเทศไทยเอง ในตอนนั้นก็เริ่มมีการกำหนดกฎกติกาที่ชัดเจนขึ้น
จำเป็นไหมคอสเพลย์ต้อง Sexy
Jasper Z กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ คอสเพลย์ ที่ต้องสวย ต้องเซ็กซี่ แต่ในเรื่องของงานศิลปะ วงการอื่นก็เหมือนกัน อย่างเช่น นางแบบ คนอาจมองว่าต้องเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ สวย ไอดอล ดารานักร้อง ส่วนตัวเฉยๆ มองเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะมองจากภายนอก เพราะเขาไม่ได้สัมผัสคอสเพลย์ด้วยตัวเอง แต่เรามองเรื่องความคิดสร้างสรรค์ เป็นเรื่องของศิลปะ ความพยายาม นั่นคือ เขาเริ่มสัมผัสถึง คอสเพลย์ แล้ว
Jasper Z กับ สมาคมอุตสาหกรรมคอสเพลย์ไทย
อย่างที่พูดไปในตอนต้น คอสเพลย์ไม่ได้จำกัดแค่เราเป็นคอสเพลย์ จึงเกี่ยวกับหลายส่วน พอรวมกันแล้ว ก็คือธุรกิจที่สร้างรายได้ จึงเป็นที่มาของชื่อ "สมาคมอุตสาหกรรม"
คอสเพลย์เป็นงานอดิเรก เหมือนคนเตะฟุตบอล มีทั้งคนที่เตะฟุตบอลเฉยๆ หรือคนที่อยากจะเตะฟุตบอลเป็นอาชีพ คนที่อยากเป็นโค้ชฟุตบอลหรืออยากจะสอนฟุตบอล ขายอุปกรณ์กีฬาเป็นเจ้าของสนาม คอสเพลย์ก็เหมือนกันไม่ได้จำกัดว่า เราต้องสร้างรายได้ให้ตนเอง เราสามารถเป็นช่างแต่งหน้า ช่างแต่งหน้าคอสเพลย์หรือช่างแต่งหน้าทั่วไปสามารถเป็นอะไรได้ตั้งเยอะที่มันเกี่ยวกับคอสเพลย์
อยากให้เด็กๆ ที่มาคอสเพลย์ หรือคนที่คิดว่าคอสเพลย์แล้วทำอะไรได้ มองให้กว้างขึ้นจะเห็นสิ่งที่เต็มเปี่ยมความคิดสร้างสรรค์ สร้างรายได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว
น้องๆ หลายคนยังไม่เข้าใจว่าสมาคมฯ คืออะไร ทำไมต้องมีสมาคม อยากให้เปิดมุมมองและทำความเข้าใจว่า สมาคมฯ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนเพื่อต่อรองให้เราได้รับสิทธิประโยชน์มุมมองใหม่ๆ จากสังคม เช่น คณะกรรมการในการประกวดคอสเพลย์ จะเป็นผู้มีความรู้ น่าเชื่อถือเพราะมีสมาคมฯ เป็นจุดศูนย์กลาง หรือตอนที่ตนเรียนมหา'ลัยอยากทำธีสิส เกี่ยวกับคอสเพลย์ พอไปปรึกษาอาจารย์กลับเจอปัญหา เนื่องจากคอสเพลย์ไม่มีองค์กร ไม่มีเอกสารอ้างอิง ไม่มีองค์กรที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงกับงานวิทยานิพนธ์ได้
แต่หากมีการรวมตัว เป็นสมาคมฯ แล้วก็จะสามารถนำมาใช้อ้างอิงให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น จึงเป็นเป็นสาเหตุทำให้ตนต้องการเข้าร่วมกับสมาคมฯ อยากให้น้องๆ และคนทั่วไปมีมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับคอสเพลย์เพิ่มมากขึ้นด้วย
เมื่อถามถึงแนวโน้มของคอสเพลย์ไทยในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ส่วนตัวคิดว่าแนวโน้มของคอสเพลย์ไทยน่าจะพัฒนามากขึ้นแน่นอน ซึ่งในปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ เริ่มเห็นว่าคอสเพลย์สามารถทำให้ผู้บริโภคจดจำสินค้าของตัวเองได้ ซึ่งส่วนนี้จะเกี่ยวโยงไปกับอุตสาหกรรมเกม เรื่องของการ์ตูน เช่น การเปิดตัวเกมใหม่ จะทำยังไงให้คนอยากจดจำตัวละครของเราได้
ในอนาคต คอสเพลย์น่าจะได้รับความนิยม และเป็นงานอดิเรกที่วัยรุ่นสามารถมีส่วนร่วมได้มากขึ้นด้วย
Thames Malerose คอสเพลย์มืออาชีพ
เทมส์ - สรณ ขุนพลพิทักษ์ หรือ Thames Malerose ฟรีแลนซ์คอสเพลเยอร์ชื่อดัง และสตรีมเมอร์เกม ให้คำนิยาม "คอสเพลย์" ในแบบของตัวเองสั้นๆ ว่า คอสเพลย์ คือ ศิลปะ
ตั้งแต่เด็ก ผมเป็นคนชอบอ่านการ์ตูนและเล่นเกม การแต่งคอสเพลย์ เหมือนได้เติมเต็มความฝันตอนเด็ก สวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ พอแต่งไปเรื่อยๆ ก็ได้ความรู้ ได้ทักษะหลายๆ อย่าง ทำให้ยิ่งชอบการคอสเพลย์มากขึ้น
กว่าจะเป็นคอสเพลเยอร์ที่มีคนติดตามจำนวนมาก
เทมส์ สรณ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการเป็นคอสเพลเยอร์ที่มีคนรู้จัก คือ วันที่คิดว่าจะเลิกแต่งคอสเพลย์
"มีช่วงหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าอยากหยุดคอสเพลย์ ในตอนนั้นคอสเพลย์เป็นงานอดิเรก ยังไม่ได้ทำเป็นอาชีพ รู้สึกว่าเสียเงิน เสียเวลา เสียแรง โดยที่ไม่ได้อะไรกลับมา พ่อกับแม่ก็อยากให้เลิก อยากให้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งช่วงนั้นผมทำหลายอย่าง ทั้งคอสเพลย์ เล่นดนตรี ทำงาน เรียนศิลปะ
จึงคิดว่าจะแต่งคอสเพลย์ทิ้งทวนอีกสักครั้ง เป็น โคกิทสึเนะมารุ (Kogitsunemaru) และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น จากการที่เราใส่รายละเอียด แม้กระทั่งในจุดที่มันมองไม่เห็นอย่างเสื้อข้างใน คนเลยให้ความสนใจ สิ่งนี้ทำให้ผมได้รับเชิญเป็นแขกตามงานต่างๆ รวมถึงต่างประเทศ
คำถามเจอบ่อย คอสเพลย์แล้วได้อะไร?
เทมส์ สรณ กล่าวว่า คอสเพลย์ทำให้ผมเรียนรู้ทักษะเพิ่มขึ้นมาก จากคนแต่งหน้าไม่เป็น ตอนนี้แต่งเป็นแล้ว ทำผม ทำพร็อพ เย็บผ้า นอกจากนี้ ยังดูแลสุขภาพร่างกายเพื่อให้คอสเพลย์ออกมาแล้วดูดี เพราะว่าตัวละครส่วนใหญ่มักชอบถอดเสื้อเห็นร่างกายมีซิกซ์แพ็ก ผมก็พยายามออกกำลังกายเพื่อให้มันออกมาเป๊ะที่สุด ได้ทั้งสุขภาพที่ดีขึ้นรูปร่างที่ดีขึ้น
รวมไปถึงการโพสท่าทาง บุคลิกภาพก็ดีขึ้น ปกติผมจะเป็นคนขี้อาย คุยไม่เก่ง ปัจจุบันต้องฝึกฝนทักษะด้านการพูดคุยสื่อสาร การใช้ภาษาอังกฤษ เพราะได้รับเชิญไปต่างประเทศบ่อยๆ เมื่อก่อนคุยกับต่างชาติ แบบงูๆ ปลาๆ ตอนนี้ได้เบสิกพื้นฐานของการสนทนาแล้ว ที่สำคัญ เราต้องพยายามขวนขวายเรียนรู้ด้วยตนเอง และต้องมีวินัยต่อตนเอง
การเตรียมตัวก่อนแต่งคอสเพลย์
อันดับแรก ต้องศึกษาตัวละครที่เราต้องคอสเพลย์ ลักษณะ นิสัย คาแรกเตอร์ เหมือนงานศิลปะที่ต้องเรียนรู้ก่อน ผมเรียนจบจากคณะจิตรกรรม ศิลปากร ทำให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ จากนั้นก็ร่างชุด ร่างพร็อพขึ้นมา และทำความเข้าใจชุดนั้นอีกครั้ง ลำพังดูด้วยตาอาจจะมองข้ามรายละเอียดบางอย่างไป
จากนั้นจะไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ทำพร็อพต่างๆ ตามย่านพาหุรัด สำเพ็ง วงเวียนใหญ่ ถนนเจริญรัฐ ผมจะไปเลือกผ้า ดูว่าเนื้อผ้าเป็นแบบไหน ซึ่งจุดนี้จะค่อนข้างกินเวลา เพราะต้องเลือกจนแน่ใจ ส่วนวัสดุอุปกรณ์บางชิ้นจะเอากลับมาทำเองที่บ้าน แต่ถ้าเป็นชุดที่มีรายละเอียดเยอะ หรือชุดที่ต้องการความเรียบร้อย จะจ้างช่างตัดชุดที่ตัดให้ประจำ ซึ่งผมจะสเกตช์ภาพไปให้
ในส่วนของพร็อพไม่มีปัญหา เพราะสามารถศึกษาเรียนรู้ได้เรื่อยๆ ศึกษาจากคลิปในยูทูบ หรือถามเพื่อนในวงการคอสเพลย์ที่เขาทำพร็อพเก่งๆ
จากนั้น เป็นเรื่องของการแต่งหน้าทำผม จะเปิดเรเฟอเรนซ์ไว้ศึกษา ดูคาแรกเตอร์ตามลักษณะนิสัยของตัวละครนั้นๆ ต้องเข้าใจว่าทำไมเขาต้องหน้าตาแบบนี้ เมคอัพแบบนี้ ต้องทำการบ้านเตรียมตัวค่อนข้างนาน
"ผมมองว่าคอสเพลย์คืองานอดิเรกอย่างหนึ่ง เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของทุกคน แต่อยู่ที่ว่าคนคนนั้นจะเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นงานที่มีรายได้หรือหารายได้อย่างไร การสร้างรายได้จากการคอสเพลย์มีหลายมิติมาก มีอุตสาหกรรมหลายๆ อุตสาหกรรมแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำชุด ช่างทำพร็อพ ช่างแต่งหน้า ช่างถ่ายภาพคอสเพลย์ ช่างรีทัชภาพ ช่างเซตวิก ช่างทำไฟติดไฟให้พร็อพอุปกรณ์มีหลายวิธี ซึ่งก็เริ่มมาจากงานอดิเรกกัน อุตสาหกรรมก็ค่อนข้างโตขึ้นเรื่อยๆ และมันมีลู่ทางให้เราหารายได้จากอุตสาหกรรมพวกนี้เยอะมาก ถนัดตรงไหนลองไปตรงนั้นดู หรือจะเป็นแบบผมก็ได้ที่เป็นคอสเพลเยอร์ ที่สามารถขายสินค้าที่เป็นภาพของเราเองอะไรแบบนี้ก็ได้" เทมส์ สรณ กล่าว
คอสเพลย์ กับช่องทางหารายได้
เทมส์ สรณ กล่าวว่า นอกจากงานอีเวนต์ ที่เราสามารถขายของ ขายรูปภาพได้แล้ว ปัจจุบันยังมีสื่อออนไลน์หลายแพลตฟอร์มที่หารายได้ หรือมีคนจ้างเราไปเป็นแบบสร้างสีสันให้งาน เหมือนพริตตี้ โมเดล รวมไปถึงการนำคอสเพลย์ไปใส่ในงานโฆษณา หรือแม้กระทั่งการสตรีมเกม ถ้าคอสเพลย์ไปด้วย จะทำให้มีคนดูเยอะกว่า
สำหรับกลุ่มแฟนคลับของผม มีตั้งแต่เด็กๆ 12-13 ปี ไปจนถึงมีครอบครัวแล้ว หลายยุคหลายวัยเหมือนกัน ในต่างประเทศก็ค่อนข้างเยอะ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ พม่า ลาว รวมไปถึงโซน เม็กซิโก บราซิล ปานามา มีหลายประเทศมาก ทาง อิตาลี ก็มี แต่ไม่เยอะเท่าโซนภูมิภาคอาเซียน
หลายครั้งได้รับเชิญไปเป็นแขกให้งานคอสเพลย์ เพื่อเรียกให้คนมาร่วมงานเยอะๆ ซึ่ง คอสเพลย์ ที่มีชื่อเสียงมากๆ จะเรียกว่า เกรทคอสเพลเยอร์
ในส่วนของสมาคมอุตสาหกรรมคอสเพลย์ไทยที่ได้เข้าร่วม หากถามว่ามีข้อดีอะไร อย่างที่บอกไปว่าอุตสาหกรรมหลายๆ อย่างเกิดขึ้นจำนวนมาก เป็นการรวมตัวกันเพื่อช่วยกันผลักดันและพัฒนาวงการคอสเพลย์ของไทยให้ก้าวไปไกลมากขึ้นสู่สากล
สำหรับผมที่ได้เข้าร่วมถือเป็นผลดี เพราะว่าผมจะได้รู้จักผู้ประกอบการหลายๆ อย่าง ได้คอนเน็กชั่นผู้ประกอบการที่สามารถปรินต์ลายเสื้อผ้า หรือลายเอกลักษณ์ที่หาได้ยาก สามารถมีลู่ทางในการพัฒนาผลงานของเราได้ดีขึ้น
หากถามว่า ที่ผ่านมาแต่งคอสเพลย์แล้วโดนบูลลี่ไหม เรื่องนี้ผมไม่แคร์ ผมทำในสิ่งที่อยากทำ ให้คุณค่ากับตนเองมากกว่าคนอื่น เพราะสิ่งที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ และเราต้องแบ่งเวลาหน้าที่ของตนเองให้ดีก่อน และการคอสเพลย์มันช่วยในการเสริมสร้างจินตนาการ ปล่อยออกมาให้เต็มที่ แต่ถึงเวลาเราต้องรู้ขอบเขตว่า มันสามารถทำได้แค่ไหน มันอยู่ที่ตัวเรา
สมาคมอุตสาหกรรมคอสเพลย์ไทย
คุณคม กุญชร ณ อยุธยา เจ้าของเว็บไซต์ propsops.com ตัวแทนกลุ่มจัดตั้งสมาคมอุตสาหกรรมคอสเพลย์ไทย เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของสมาคมฯ ว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการจัดกิจกรรมคอสเพลย์ แต่เราไม่เคยมีเป็นองค์กรกลางที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ซึ่งสมาคมฯ เอง ไม่ใช่การรวมกลุ่มธรรมดา แต่เป็นการรวมกลุ่มนิติบุคคล ซึ่งจะสะดวกต่อการไปคุยกับภาครัฐหรือกับสมาคมอื่นๆ ได้
ทั้งนี้ สมาคมฯ เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2563 เริ่มจากโครงการ "กิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ BCG Fashion Lifestyle" ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2563 ดำเนินการโดยสถาบันพัฒนาสิ่งทอ ภายใต้การดูแลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เห็นได้ชัดว่าโครงการนี้ภาครัฐอยากให้มีการรวมกลุ่มด้านต่างๆ ซึ่งเขาเล็งเห็นถึงคอสเพลย์ว่ามีโอกาสต่อยอดไปได้ ดังนั้นจุดเริ่มต้นจึงเป็น 1 ในคลัสเตอร์ของโครงการนี้ก่อนจะพัฒนาต่อเป็นสมาคม
สำหรับคนที่สนใจเข้าร่วมกับสมาคมฯ ในตอนนี้ที่เราพยายามจะเปิดกว้างเป็นหลัก ซึ่งมีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้จัดงาน กลุ่มผู้จัดอุปกรณ์เสริม กลุ่มทำชุด รวมไปถึงคอสเพลเยอร์ที่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราจึงพยายามเปิดกว้างให้ได้มากที่สุดก่อน คนที่มีความเกี่ยวกับคอสเพลย์ด้านใดด้านหนึ่งก็ถือว่ามีสิทธิ์เข้าร่วม รวมไปถึงเหล่าเจ้าของหรือตัวแทนธุรกิจด้วย
ก่อนจะพูดไปถึงเรื่องอาชีพ ต้องดูก่อนว่าในสมาคมฯ มีผู้ประกอบการใดบ้าง แต่ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็หนีไม่พ้นเรื่องลิขสิทธิ์ เพราะคอสเพลย์เป็นการดึงเอาตัวละครมาสวมบทบาท การจะนำคอนเทนต์เหล่านั้นไปใช้ต่อจึงต้องคุยเรื่องลิขสิทธิ์ก่อน ดังนั้นในระยะแรกสุด ทางกลุ่มได้เข้าพบกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อจะขอคำแนะนำเกี่ยวเรื่องสิทธิ์ว่า มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะสามารถคุยกับเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือทำอย่างไรให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกันได้
ในด้านของการผลักดันส่งเสริมอาชีพ จากการพูดคุยกับกลุ่มผู้จัดงานได้สะท้อนมาว่าเขามีปัญหาในเรื่องของสถานที่ เฉพาะค่าเช่าสถานที่เสียเงินไปประมาณ 60% เราจึงมาคุยกันว่า เป็นไปได้ไหมที่จะรวมพลังกันคุยกับเจ้าของสถานที่เพื่อลดค่าเช่า โดยที่เราสามารถตอบแทนเขาในรูปแบบอื่น
ขณะที่กลุ่มทำอุปกรณ์เสริมหรือทำชุด จะมีปัญหาเวลาคอสเพลย์ออกงานแล้ว บางคนไม่กล้าซักชุด เพราะชุดมีรายละเอียดเยอะ ทำให้มีโอกาสเกิดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับ จากการสอบถามกับกลุ่มสิ่งทอก็ได้ข้อมูลมาว่า มีผ้าใยบางชุดที่มีคุณสมบัติแอนตี้แบคทีเรีย ซึ่งเราก็มองหาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาวัสดุอุปกรณ์การทำต่างๆ ให้ดีขึ้น
"ต้องบอกตามตรงว่า สมาคมฯ กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น สมาชิกยังมีไม่ค่อยมาก ต้องรับว่าสมาคมเป็นเรื่องใหม่ มีทั้งที่ตัดสินใจเข้าร่วม และมีทั้งที่ขอดูความคืบหน้า เขายังไม่แน่ใจว่า หากเข้ามาแล้วจะทำหน้าที่อะไรในสมาคมฯ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีองค์กรกลางใดๆ ในคอสเพลย์ สิ่งนี้จึงค่อนข้างเป็นสิ่งใหม่พอควร"
คอสเพลย์ในอดีต มาถึงปัจจุบัน
ผมอยู่กับคอสเพลย์มาเกือบ 17-18 ปีแล้ว กล้าพูดเลยว่าคอสเพลย์เติบโตขึ้นมาก ในสมัยที่ผมเข้ามาแรกๆ มีการจัดงาน 2-3 งานถือว่าเยอะแล้ว แต่ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา จำนวนงานและจำนวนคนคอสเพลย์มากขึ้น กล้าพูดเลยว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีงานคอสเพลย์ไม่ต่ำกว่า 50 งานต่อปี และในปัจจุบัน ไม่ได้จัดแค่ในกรุงเทพฯ เป็นการโตขึ้นทุกรูปแบบ กระจายออกต่างจังหวัด ถือว่าเป็นกราฟที่ขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามปัจจัยอะไรที่ทำให้ตลาดคอสเพลย์เติบโตขึ้นมาก ผมคิดว่าปัจจัยหลักเลยคือ คอนเทนต์ หลายคนมองว่าคอสเพลย์ เป็นเหมือนภาพสะท้อนของคอนเทนต์ต่างๆ เช่น คนที่ชอบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ก็อาจจะคอสซุปเปอร์ฮีโร่ คนที่ชอบภาพยนตร์จีนคอสเพลย์ภาพยนตร์จีน ที่สำคัญคอสเพลย์ไม่ได้จำกัดเชื้อชาติว่าคอนเทนต์ต้องมาจากเชื้อชาติใด
สิ่งที่ทำให้คอสเพลย์เติบโตคือ การดึงความสนใจของคน ยกตัวอย่าง งานไหนมีคอสเพลย์งานนั้นจะยิ่งดึงดูดให้คนสนใจมากขึ้น และจริงๆ แล้วงานคอสเพลย์ไม่ได้มีแค่การคอสเพลย์ชุดเพียงอย่างเดียว บางครั้งงานโฟโต้แฟร์ ก็เคยจัดประกวดคอสเพลย์เพื่อดึงให้ตากล้องสนใจงาน
คอสเพลย์ไทยไม่แพ้ชาติใด
การทำชุดคอสเพลย์ มีหลากหลายรูปแบบ อย่างรูปแบบแรกคือ การทำชุดเอง อาจไม่ได้มีจำนวนเยอะมากเพราะว่าเหนื่อย ต้องออกไปซื้อผ้า อย่างที่นิยมตอนนี้เหมือนกับพรีออเดอร์ชุดจากจีน แต่เราต้องยอมรับว่าชุดที่มาจากจีนก็ไม่ได้ถูกลิขสิทธิ์เหมือนกัน ซึ่งสมาคมฯ ไม่อยากให้คนมองว่าคอสเพลย์เป็นแค่กิจกรรมแบบซื้อของใส่ชุดและก็จบไป อยากทำให้เห็นว่าขั้นตอนการคอสเพลย์ มันสามารถเพิ่มสกิลต่างๆ
ทางสมาคมมี work shop สำหรับคนที่สนใจตัดเย็บเอง หรือคนที่ตัดชุดเองอยู่แล้วก็พัฒนาให้เก่งขึ้น ด้วยความที่ชุดคอสเพลย์มีเอกลักษณ์ค่อนข้างสูง ไม่ใช่สิ่งที่สามารถไปเดินห้างและเจอได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นส่วนมากจะเป็นลักษณะเชิง made to order
แต่จะสามารถตัดชุดคอสเพลย์เป็นอาชีพได้หรือไม่นั้น ตอนนี้มีคนรับตัดชุดคอสเพลย์ ถือว่าทำรายได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชุดหรืออุปกรณ์เสริม อย่างที่บอกไปว่าเรามีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ การจะมาประกาศว่าเราจะทำชุดนี้ชุดนั้นอย่างกว้างขวางก็ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไร คิดว่ายังมีปัญหาในจุดนี้อยู่
เมื่อถามภาพรวมคอสเพลย์ไทยในปัจจุบันพอจะสู้กับทางญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นได้ไหม ส่วนตัวผมคิดว่าได้ ในการแข่งขันคอสเพลย์ไทยถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่หลายคนมองว่ามีโอกาสเสมอ ถ้าย้อนกลับไปในปี 2018 เราเพิ่งได้ที่ 3 มาจากการคอสเพลย์ที่ญี่ปุ่น จริงๆ มีการไปประกวดชนะเวทีระดับนานาชาติ คอสเพลย์ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่หลายคนรู้ว่ามีคอสเพลย์จริงๆ เยอะ เป็นที่น่าจับตามอง ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ในภูมิภาคอาเซียน เราค่อนข้างเป็นหนึ่ง ไม่ได้ด้อยไปกว่าทางฝั่งญี่ปุ่นหรือว่า ฮ่องกง เกาหลีใต้ ขนาดนั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หลายๆ คนให้การยอมรับ
สำหรับจุดเด่นคอสเพลย์ไทย หลายคนค่อนข้างจะทึ่งกับการทำอุปกรณ์เสริม เพราะว่าจริงๆ แต่ละประเทศจะมีรูปแบบการทำอุปกรณ์เสริมที่แตกต่างกัน แต่ว่าของบ้านเราจะมีหัวใจหลักเลยคือการใช้โฟมยาง กับผ้าหนัง ซึ่งเราพัฒนาทักษะนี้ค่อนข้างดีมาก ไปจนถึงจุดที่คนคาดไม่ถึงว่า โฟมยางจะทำได้ขนาดนี้ มีรายการดังๆ อย่างรายการ The Mask Singer จ้างให้ไปทำชุด ทักษะการทำชุดของคอสเพลย์ อาจจะเริ่มต้นมาจากการลองผิดลองถูก แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆ จึงทำให้การทำโฟมยางกับผ้าหนังเป็นสิ่งทั่วโลกค่อนข้างทึ่ง
อีเวนต์คอสเพลย์ กับวิกฤติโควิด-19
ยอมรับว่า ค่อนข้างกระทบหนักในช่วงแรก เพราะไม่ทันตั้งตัว จากจัดงานกัน 50 งานต่อปีก็ต้องชะงักลง มีงานที่ต้องเลื่อน หรือยกเลิกหลายงานมาก แต่ในระหว่างช่วงกลางปี 2563 ที่โควิด-19 หนักหน่วง มีหลายอย่างที่ลองปรับ เช่น อีเวนต์ออนไลน์ การประกวดคอสเพลย์แบบออนไลน์ แต่ต้องยอมรับว่า อรรถรสในการเข้าร่วมยังไม่เต็มที่นัก จนช่วงที่โควิด-19 ผ่อนคลายประมาณ 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 อยู่ๆ งานอีเวนต์ก็ทะลักเข้ามาเลย
จากสถิติการจัดงานคอสเพลย์ในปี 2564 มีทั้งสิ้น 43 งาน มี 33 งานอัดอยู่ในเดือนสุดท้ายของปี ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดก็จริง แต่ก็เป็นในหนึ่งกิจกรรมที่ฟื้นขึ้นมาได้รวดเร็ว คาดว่าถ้ามีการใช้วัคซีนโควิด-19 ทิศทางจะเป็นไปในทางที่ดี ผมรู้สึกว่า วัคซีน ช่วยทำให้ทุกคนมีความหวังในการฟื้นตัวกลับมา คิดว่าปีนี้ถ้าไม่เกิดสถานการณ์โควิด-19 กลับมาหนักหน่วงอีกรอบ จะฟื้นได้ราว 80%
สำหรับงานคอสเพลย์ในปี 2564 ที่น่าจับตามอง ถ้าแบบในระยะที่ใกล้จะถึง จะมีงาน Japan Export Thailand จริงๆ งานนั้นจะจัดเดือนกุมภาพันธ์ แต่ตอนนี้เลื่อนไปจัดเดือนมิถุนายน ถือเป็นมหกรรมงานสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่า ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลย ถ้าไม่นับญี่ปุ่น สำหรับในประเทศไทยเอง ก็กำลังจะมีการจัดในช่วงเดือนเมษายน ที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งคงจะได้เห็นประกาศเร็วๆ นี้.
ผู้เขียน : J. Mashare
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphum