
วศ.ปรับโครงสร้างจากราชการสู่มหาชน ตั้งเป้า “องค์กรบริการ” ระดับสากล
นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า วศ.กำลังมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างจากระบบราชการไปสู่องค์การมหาชน แน่นอนว่า วศ.ถูกคาดหวังมากขึ้น เนื่องจากบทบาทหลักที่เราต้องเป็นหน่วย “บริการ” ยิ่งทำให้ต้องเร่งผลักดันศักยภาพให้ก้าวสู่ความเป็นสากลที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและความรวดเร็วในด้านบริการให้เป็นรูปธรรม โดย วศ. มีเวลาอีก 1 ปี ในการปรับโครงสร้างให้สอดรับกับก้าวใหม่ที่ท้าทาย โดยมีเป้าหมายหลักสำคัญในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้พึงพอใจมากขึ้น เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีคุณภาพแข่งขันได้ในระดับสากลต่อไป
อธิบดี วศ.กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากบทบาทหน่วยบริการ วศ.จึงได้ระดมความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานทางคุณภาพของประเทศ โดยปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย จัดทำประกาศข้อแนะนำคุณลักษณะหน้ากากอนามัยแบบผ้าเพื่อความเหมาะสมด้านการใช้งานแก่ประชาชน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งให้การรับรองผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัยแบบผ้าตามประกาศข้อแนะนำดังกล่าว รวมทั้งมีส่วนร่วมในการกำหนดคุณลักษณะและการตรวจสอบคุณภาพชุดป้องกันการติดเชื้อ (PPE) Surgical gown/Isolation gown ตามมาตรฐาน ANSI/AAMI PB70 Level 2 รุ่น “เราสู้” และชุด Coverall Level 4 รุ่น “เราชนะ” โดยนวัตกรรม PPE ที่ วศ.มีส่วนร่วมในการพัฒนาขึ้น สามารถซักและใช้ซ้ำได้มากกว่า 50 ครั้ง นอกจากนี้ยังสร้างเครื่องมือทดสอบอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือ PAPR พารามิเตอร์ในส่วนของการทดสอบการรั่วซึมโดยประยุกต์ขึ้นเองตามทรัพยากรที่มีและสถานการณ์ของประเทศ ซึ่งผลการทดสอบเครื่องมืออุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
ข่าวแนะนำ
อธิบดี วศ.กล่าวต่อว่า ที่สำคัญขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้กำหนดให้กองวัสดุวิศวกรรมของ วศ.ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ ตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ตามรายการและวิธีทดสอบ ได้แก่ เสื้อกาวน์ทางการแพทย์ ชุดคลุมปฏิบัติการทางการแพทย์ และผ้าสำหรับเสื้อกาวน์และชุดคลุมปฏิบัติการทางการแพทย์ ทำให้ วศ. ซึ่งเป็นหน่วยเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ทดสอบมีศักยภาพในการทดสอบคุณภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น.