ไม่น่าเชื่อว่าในระยะเวลาเพียง 2 ปีกับ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสร้างความเสียหายและเปลี่ยนแปลงชีวิตของประชากรโลกไปอย่างสิ้นเชิง วิถีใหม่ ในการที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป ความยากอยู่ที่การเปลี่ยนทัศนคติของประชากรและผู้นำ ซึ่งจะเป็นการวัดวิสัยทัศน์และความมีประสิทธิภาพของผู้นำได้ชัดเจนที่สุด

อดีตผู้นำประเทศหลายคนมาเสียมวยก็ตอนที่โควิดอาละวาดนี่แหละ ยกตัวอย่าง อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เหยียดว่าไวรัสโควิด เป็นโรคกระจอก แนะนำประชาชนไม่ต้องสวมหน้ากาก พาเข้ารกเข้าพง ถ้าวันนั้นมีสติที่จะรับมือกับไวรัสมรณะตัวนี้ ทรัมป์ อาจจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมาก็ได้

เช่นเดียวกับบ้านเรา ผู้บริหารปากไว ดูถูกว่าเป็นโรคกระจอก วันนี้ร้องกันกระจองอแง วัคซีนต้านไวรัสจะมาทันไหม คลายล็อกแล้วจะเป็นอย่างไร เงินจะพอเยียวยาไหมสารพัด

องค์การอนามัยโลก พยายามเข้าไปตรวจสอบหาต้นเหตุการระบาดของไวรัสที่จุดเกิดเหตุเมือง อู่ฮั่น ประเทศจีน จนบัดนี้ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ ได้แต่ร่ำลือกันว่า เป็นสงครามชีวเคมี ระหว่าง สหรัฐฯกับจีนที่ทำสงครามการค้าโลกมาจนถึงจุดแตกหัก

ที่แน่ๆเวลานี้ ประชากรโลกติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วถึงร้อยละ 1.3 มีจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 1 คนในทุก 7.7 วินาที หรือจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 6.6 แสนคน สหรัฐฯ อินเดีย บราซิล รัสเซีย และ อังกฤษ ยังติดอันดับที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด

หลังจากที่ โจ ไบเดน มาทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเต็มตัว รีบสั่งวัคซีนต้านไวรัสโควิดเพิ่มทันที 200 ล้านโดส เพื่อจะฉีดให้กับ คนอเมริกัน จำนวน 300 ล้านคน และมี คำสั่งด้านสาธารณสุข ให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่ว่าจะขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ ยกเว้นตอนที่ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเท่านั้น นอกจากนี้ยังกำหนดให้คนที่จะเดินทางเข้าออกประเทศสหรัฐฯ ต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายใน 3 วันก่อนเดินทางหรือแสดงหลักฐานว่าหายป่วยจากโควิดเรียบร้อยแล้ว

...

บางประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ มีทีท่าว่าจะ ล็อกดาวน์ประเทศถาวร หลังพบคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน อังกฤษมีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 1 แสนรายไปแล้ว เป็นการเสียชีวิตของคนอังกฤษมากกว่าเมื่อครั้งเกิด สงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก อินเดีย ก็เหมือนกันมีคนติดเชื้อโควิดประมาณ 10 ล้านคนไปแล้ว ดีที่ว่า อินเดีย สามารถ ผลิตวัคซีนเป็นของตัวเองได้ เลยสามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดได้บ้าง หลังทดลองฉีดวัคซีนไป ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง

จะเห็นได้ว่า โควิด ทำให้ ผู้นำประเทศต่างๆ ต้องปรับปรุงตัวเอง หันมาใส่ใจ ชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนมากขึ้น ให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล และด้านสุขอนามัยของประชากรเป็นอันดับแรก

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว โควิดสอนให้มนุษย์เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกัน ด้วยการแบ่งปัน ประเทศไทยมีมหาเศรษฐีติดอันดับโลก แต่ยังไม่สามารถซื้อวัคซีนต้านไวรัสได้ เช่นเดียวกับการที่ผู้นำจะรักษาอำนาจเอาไว้ได้นานแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ายืนอยู่บนซากปรักหักพังและความทุกข์ยากแสนเข็ญของประชาชน จะนอนตาหลับไหม.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th