
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่ตนได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อเก็บข้อมูลโรงเรียนในการดำเนินการควบรวมโรงเรียนตามนโยบายยกระดับรายได้จังหวัดด้วยการศึกษานั้น ตนต้องการทำให้ทุกคนเห็นโมเดลนี้ และนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติในจังหวัดอื่นๆต่อไป เพราะโมเดลของจังหวัดภูเก็ตจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องมีความเข้าใจนโยบายการยกระดับรายได้จังหวัดได้ง่ายขึ้น พร้อมกับกล้าคิดและกล้าตัดสินใจทำเรื่องยากๆ เนื่องจากตนได้ปูแนวทางไว้แล้วว่าการยกระดับการศึกษาของจังหวัดจะทำได้อย่างไรบ้าง เช่น การควบรวมโรงเรียนการสร้างโรงเรียนแม่เหล็กหรือโรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้แบ่งผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระดับ 10 และระดับ 9 บางส่วนให้รับผิดชอบการดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)โดยจะมีทีมผู้บริหารระดับ 11 ของ ศธ.ประกบอีกครั้ง เพื่อให้การทำงานตรงตามนโยบาย
รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า หลังเก็บข้อมูลการยกระดับการศึกษาของจังหวัดภูเก็ตเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเดินหน้าต่อไปในจังหวัดที่โรงเรียนมีนักเรียนต่ำกว่า 100 คนลงมา คือ จังหวัดสมุทรสงคราม และระนองโดยได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ซึ่งตนอยากทำให้เห็นว่าเราต้องกล้าคิดกล้าทำและกล้าเปลี่ยนแปลง เพราะการดำเนินการเหล่านี้คือการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง และขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำงบประมาณ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดทำแผนแม่บททั้งประเทศว่าจะใช้ระยะเวลากี่ปี แม้จะต้องใช้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท แต่ก็เชื่อว่าทุกคนจะเห็นผลสำเร็จอย่างแน่นอน ส่วนการสร้างภูเก็ตโมเดลนั้นตนคาดว่าในปีการศึกษา 2565 สังคมจะเห็นภาพของการมีโรงเรียนแม่เหล็กเกิดขึ้นในชุมชนพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆในชุมชนเหล่านั้นมาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้มากขึ้น เพราะเป้าหมายของตนคือการเห็นผลสัมฤทธิ์คือการที่โรงเรียนมีครูครบชั้นและครบทุกวิชา ครูเข้าใจการสอนทั้งทักษะวิชาการและทักษะชีวิตที่ตรงตามบริบทของจังหวัด.