ผมเห็นชื่อหนังสือโชคและปาฏิหาริย์จากการไหว้เจ้า ของคุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ (สำนักพิมพ์จิตรา พ.ศ.2557) ก็รีบเปิดอ่าน อารมณ์นี้ เรื่องอย่างนี้อาจจะช่วยได้

เรื่องศาลเจ้าต่องย่องสู อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ผมเคยเขียนไปหลายครั้ง แต่คุณจิตราเขียนได้ลึกกว่า น่าอ่านกว่า ผมก็ขอเอามาเล่าอีก

ต้นรัชกาลที่ 5 จับกังเหมืองแร่ ทางการเรียกอั้งยี่ มีสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกมีราว 3,500 คน อยู่ที่อำเภอกะทู้ มีชื่อว่า “กลุ่มงี่หิน” มีคนแซ่ลิ้มเป็นหัวหน้า เรียกตัวเองว่าพวกแดง

กลุ่มสอง กลุ่มปุงเถ่ากง มีคนอยู่ราว 4,000 คน มีอิทธิพลอยู่ย่านตลาดภูเก็ต ตั่วเฮียเป็นคนแซ่ตั้ง เรียกตัวเองว่าพวกตลาด อีกชื่อพวกขาว กลุ่มตลาด ไม่แค่มีคนมากกว่า ยังสนิทสนมกับเจ้าเมือง

เหมืองแร่ทั้งสองแห่งอยู่ไกลกันคนละอำเภอ แต่ต้องใช้สายน้ำสายเดียวกันล้างแร่ ตอนน้ำมากต่างก็ทำงานกันไป แต่พอน้ำน้อยก็ต้องแย่งน้ำกัน พวกแดงพวกขาวจึงมีเรื่องทะเลาะกันเนืองๆ

ครั้งหนึ่ง จับกังกะทู้สองคนถูกหาว่าเมาเหล้ามีเรื่องตีกับพวกจับกังตลาด ถูกจับตัวส่งเจ้าเมือง

พวกกะทู้ไม่พอใจ รวมตัวกัน 300 คน บุกไปจะแย่งตัวนักโทษ กำลังคนทางการน้อยกว่า เจ้าเมืองต้องพาครอบครัวหนี

สถานการณ์ฝ่ายทางการเริ่มกระเตื้อง เมื่อพระยามนตรีน้องเขยเจ้าเมือง พยายามรวบรวมคนมาสมทบเพื่อรักษาเมือง พร้อมทั้งพยายามเจรจาไกล่เกลี่ย

ระหว่างการเผชิญหน้า พวกกะทู้ถูกหาว่าฉวยโอกาสปล้น ไล่ฆ่าชาวบ้าน เผาบ้านเรือน

แต่ความจริงนั้น เป็นสงครามของสองอั้งยี่ พวกกะทู้ก็สู้กับพวกตลาดต่อไป หยุดแล้วก็สู้กันใหม่ มีคนบาดเจ็บล้มตาย ฝ่ายละไม่น้อย

ไม่มีบันทึกชัด สงครามอั้งยี่แดงขาวยาวนานเท่าใด แต่ในช่วงท้าย ฝ่ายตลาดเพลี่ยงพล้ำ มีคนถูกฆ่าตายมากเหลือคนน้อยกว่าฝ่ายกะทู้ จนดูว่าไม่มีทางจะพลิกมาเอาชนะได้อีก

...

ไม่มีบันทึกว่า พระยามนตรีเป็นคนกลางเจรจาให้สองอั้งยี่สงบศึกได้

แต่มีบันทึกว่าสองฝ่ายตกลงกันได้ นัดกินเลี้ยงฉลองกันที่ทุ่งคาแดนกลาง พวกตลาดเป็นเจ้าภาพ วันที่ 17 เดือน6 ของจีน พ.ศ.2422

ถึงวันนัด ฝ่ายตลาดคะยั้นคะยอให้พวกกะทู้ดื่มสุรา หลายคนเมาหลับคาโต๊ะ หลายคนหลับคาพื้น นอนระเกะระกะเต็มอาคาร และแล้ว...สิ่งที่ฝ่ายกะทู้ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

พวกตลาดจุดไฟเผาอาคารที่จัดเลี้ยง คนที่ยังไม่เมาหลับ วิ่งหนีไฟ ก็ถูกพวกตลาดถืออาวุธไล่ฆ่า

ในจำนวนฝ่ายกะทู้ 413 มีเพียงคนเดียวหนีรอด

บรรยากาศงานเลี้ยง เลี้ยงเพื่อหลอกฆ่าเป็นอย่างไร ครอบครัวจับกังพวกกะทู้จึงได้รู้เรื่อง

ต่อมาครอบครัวพวกกะทู้ฝันว่า คนที่ถูกฆ่ามาเข้าฝันเป็นวิญญาณเร่ร่อน จึงมีการสร้างศาลเป็นที่เก็บป้ายวิญญาณ 412 คน ชื่อศาลต่องย่องสู ต่อง แปลว่า ซื่อตรง ย่อง แปลว่า กล้าหาญสู แปลว่า ศาลบรรพบุรุษ

รวมความแปลว่า ศาลบรรพบุรุษผู้ซื่อตรงและกล้าหาญเรื่องศาลเจ้าต่องย่องสูจบลงโดยไม่มีเรื่องปาฏิหาริย์

แต่ก็เป็นบทเรียนให้ได้รู้ว่า การฆ่าไม่ช่วยจบปัญหา แต่ก่อปัญหาให้เพิ่มขึ้น

บ้านเมืองเราตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกเด็กไปถูกฆ่า หรือเด็กจะตั้งใจท้าให้เขาฆ่า ถ้าไม่เกิดขึ้น ผมถือเป็นปาฏิหาริย์สำคัญ.

กิเลน ประลองเชิง