ฟังความคิดเห็น 2 ฝ่าย "กลุ่มเยาวชนปลดแอก-สนท." พูดคุยกับ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ถกความเป็นไปได้ของ 3 ข้อเรียกร้อง ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน เเละร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 

จากเหตุการณ์ กลุ่มเยาวชนปลดแอก-FreeYouth และ สหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) นัดมวลชนชุมนุมบริเวณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จัดกิจกรรม "ไม่ทนอีกต่อไป" เเละเรียกร้องรัฐบาลให้ดำเนินการใน 2 สัปดาห์ คือ ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน เเละร่างรัฐธรรมนูญใหม่ นั้น

ล่าสุด วันที่ 20 ก.ค.63 ในรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ ได้พูดคุยกับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมธิการสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการทำงานของคณะกรรมาธิการชุดนี้ว่า ตอนนี้การทำงานคืบหน้าไปมาก

แต่ที่เงียบไปเพราะประเด็นชัดเจน เมื่อรัฐธรรมนูญมีปัญหาก็ระบุในรายงานเพื่อเสนอต่อสภาเพื่อนำไปสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก็ยังดำเนินการอยู่ และคาดว่าการทำงานจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ก.ย.63 ซึ่งได้รวบรวมข้อเรียกร้องต่างๆ แบ่งเป็นรายงานทั้หงมด 3 เล่ม  โดยเล่มแรกเป็นของคณะกรรมาธิการ เล่มที่ 2 ชุดรับฟังความคิดเห็น และเล่มที่ 3 ศึกษาบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจ เลขาธิการกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า เยาวชนปลดแอก หรือกลุ่ม FreeYOUTH เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ได้ไปร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว เนื่องจากไม่ทราบว่ามีการจัดตั้งเวทีที่ไหน

ประกอบกับส่วนตัวคิดว่า เป็นเวทีที่รัฐบาลถูสร้างขึ้นเพื่อฟังในสิ่งที่เขาอยากจะฟัง ซึ่งข้อเรียกร้องของเราเป็นข้อเรียกร้องที่ค่อนข้างจะก้าวหน้า จึงมองไม่เห็นโอกาสว่าเขาจะฟังข้อเรียกร้องของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างอย่างแท้จริง ตนเองคิดว่าจำเป็นต้องอาศัยแรงกดดันจากภาคประชาชน จึงจะสัมฤทธิ์ผล เนื่องจากกลไกและเสียงส่วนใหญ่ในสภาเกินครึ่งเป็นของรัฐบาล มีโอกาสน้อยที่จะผ่าน

...

ด้าน น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนพอจะรู้มาบ้างว่ามีการเปิดเวทีเปิดรับฟังประชาชน แต่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมเนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องตำแหน่งที่ชัดเจนและช่วงที่มีการเปิดเวทีแรกๆ ตรงกับช่วงแฟลชม็อบ

ส่วนตัวมีความคิดเห็นว่า ไม่รู้สึกว่าเป็นเวทีสำหรับประชาชน เป็นสิ่งที่รัฐสร้างขึ้นมาเพื่อฟังในสิ่งที่อยากฟัง เพราะหากรับฟังคงไม่ทำให้บิดเบี้ยวแต่แรก เป็นเพียงกระบวนการหนึ่งที่สร้างขึ้นมาหลังจากที่รัฐบาลได้รับชัยชนะ

นายทัตเทพ กล่าวอีกว่า ถ้าเราต้องการรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แรงกดดันที่จะสร้างให้รัฐเปิดกลไกการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ต้องมาจากประชาชน ถ้าพูดในวิชารัฐธรรมนูญแล้ว อำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน การสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องไม่มีการแทรกแซงจากคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ กล่าวว่า น้องๆ มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะต้องเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย จะต้องเป็นเสียงที่มาจากประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ เช่น จากประชามติ จากการเลือกตั้งจึงจะเกิดผลขึ้น หรือตัวแทนของประชาชน หรือสมาชิกสมาชิกผู้แทนราษฎร

แต่ต้องเรีนนอย่างหนึ่งว่า สิ่งที่น้องๆ มีความคิดเห็นเป็นสิ่งที่เขาคิดเห็นจริงๆ จะไปว่าอะไรไม่ได้ แต่ตามหลักของประชาธิปไตยแล้ว นอกจากจะไม่ว่าฝ่ายของน้องๆ แล้ว ก็ต้องไม่ว่าความคิดเห็นของอีกฝ่ายเช่นกัน.