หมอเผยเคสผู้ป่วย "ก้อนเนื้องอกในเต้านม" หนัก 2.4 กิโลกรัม หลังโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ปวด บางครั้งมีเลือดออกจากหัวนม แนะหากพบความผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์เคสการรักษา ก้อนเนื้องอกในเต้านม (phyllodes tumor) หนัก 2.4 กิโลกรัม ผ่านเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat

โดยระบุว่า เคสผู้ป่วยหญิง อายุ 33 ปี รู้สึกว่าคลำได้ก้อนเต้านมซ้ายมา 3 ปีเริ่มจากขนาดเล็กๆ ค่อยๆ โตขึ้น ไม่ปวด แต่บางครั้งมีเลือดออกจากหัวนม เต้านมสองข้างโตไม่เท่ากัน จึงไปพบแพทย์ ตรวจพบว่าก้อนมีขนาดโตมาก วัดขนาดได้ประมาณ 23 เซนติเมตร เจาะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ อ่านผลออกมาว่าเป็น phyllodes tumor จึงนัดผ่าตัด หลังผ่าเอาก้อนเนื้อชั่งน้ำหนักได้ถึง 2.4 กิโลกรัม ผู้ป่วยหลังผ่าตัดแผลดีมาก บอกโล่งอก เบาตัว

ก้อนเนื้องอกชนิดนี้พบได้ไม่บ่อยนัก แต่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าก้อนเนื้อมะเร็ง ปัจจุบันนี้พบว่าเนื้องอกชนิดนี้มีความรุนแรงได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่ไม่รุนแรงอะไรเลย (benign phyllodes tumor) คือเทียบเท่าเนื้องอกไม่ร้ายแรง คือโตไม่เร็ว เซลล์แบ่งตัวอยู่ในระดับต่ำ ไปจนถึงพวกที่รุนแรงมาก (malignant phyllodes tumor) เซลล์แบ่งตัวในอัตราสูง ขยายขนาดลุกลามกัดกินเนื้อเยื่อที่อยู่โดยรอบได้

แต่อย่างไรก็ตามเนื้องอกชนิดนี้ไม่ใช่มะเร็ง (cancer) จึงไม่มีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ พูดง่ายๆก็คือโตอยู่กับที่ มีการกัดกินเนื้อเยื่อไปโดยรอบ ทำให้สร้างความยุ่งยากในการรักษาอยู่เหมือนกัน หากเนื้องอกทำลายผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อหน้าอกเป็นบริเวณกว้าง ต้องใช้วิธีการผ่าตัดขั้นสูงในการแก้ไข ซึ่งบางครั้งรักษายากกว่ามะเร็งเต้านมเสียอีก

...

ปัญหาอีกอย่างของเนื้องอกชนิดนี้คือ สามารถกลับเป็นซ้ำที่เต้านมได้สูง ซึ่งเกิดได้ในกรณีที่ผ่าตัดออกไปได้ไม่หมด เช่น กรณีผ่าแล้วก้อนแตกเละเป็นชิ้นๆ หรือผ่าตัดโดยมีปริมาณเนื้อเยื่อเต้านมปกติห่อหุ้มน้อยเกินไป ทำให้ขอบรอยตัดยังมีเซลล์ตกค้างอยู่ ข้อเตือนใจ เมื่อใดก็ตามที่มีอาการผิดปกติ คลำได้ก้อนที่เต้านมให้รีบไปพบแพทย์ ไม่ควรทิ้งไว้นานเกินไป หากเป็นเนื้อมะเร็งอาการยิ่งรุนแรง

จากการสอบ นพ.อารักษ์ ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า เนื้องอกแบบนี้พบได้น้อย และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย แต่พบบ่อยในผู้ป่วยอายุ 40-50 ปี และคาดว่าเคสนี้คงทิ้งไว้นาน.

(โพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่)

(ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Arak Wongworachat)