เปิดเส้นทางรักของ "ผู้กองบอย" ร.ต.อ.ฆ่าเมีย พบมีรัก 2 ทาง คนเก่าไม่ลืม ไม่เลิก กลับไปมีสัมพันธ์กันจนมีลูกอีกคน ขณะที่คนใหม่ก็จะสานต่อ กลายเป็นปัญหาคาราคาซังนำไปสู่เหตุการณ์สลด

- วันที่ 20 มิ.ย. 63 พบศพ นางสาวพิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ อายุ 30 ปี หรือ ปูนิ่ม เสียชีวิตบนโซฟามีผ้าคลุมอยู่ สวมชุดนอนสีน้ำเงิน นอนหงายจมกองเลือด บริเวณศีรษะด้านซ้าย มีรอยกระสุนปืนขนาด .45 ออโต้ กระสุนฝังใน

- ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รองสว.(สืบสวน) สน.วังทองหลาง หรือ "ผู้กองบอย" เป็นผู้แจ้งตำรวจ และให้การว่า ตนนอนอยู่ที่ห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ลงมาดูเห็นแฟนยิงตัวตายแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจท้องที่ทันที

- นางสาวพนิตา บุญโชติ อายุ 31 ปี ลูกพี่ลูกน้องคน "ปูนิ่ม" ให้การว่า ผู้ตายมีลูกผู้หญิง อายุ 4 ขวบ กับนายตำรวจคนดังกล่าว ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาทะเลาะกันเรื่อยมาถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย ผู้ตายเคยถูกนายตำรวจรายนี้เอาปืนจ่อหัว ทำร้ายจนสลบ แต่ผู้ตายก็กลับมาทุกครั้ง เพราะสงสารลูกสาว

- เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว ร.ต.อ.ทรงกลด ไปสอบสวนในห้องฝ่ายสืบสวนนานกว่า 6 ชั่วโมง ยังให้การวกวน ทาง สน.ลาดพร้าว นำตัวส่ง รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจร่างกาย

- ล่าสุด ช่วงเช้าของวันที่ 22 มิ.ย. 63 พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 กล่าวว่า ในช่วงที่สอบถามข้อมูลกับผู้กองบอย หรือผู้ต้องหานั้น เจ้าตัวร้องไห้ และรับสารภาพว่า ภรรยาไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ตัวเองเป็นคนที่ทำให้ภรรยาเสียชีวิต 

- ส่วนสาเหตุมาจากทะเลาะกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้กองบอย มีภรรยา 1 คน แล้วก็มีลูกด้วยกัน จากนั้นก็มาคบหากับผู้ตาย และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน

- ในระหว่างนี้ฝ่ายชายก็ไม่ได้เลิกรากับภรรยาคนแรกอย่างเด็ดขาด กลับไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งจนมีลูกอีก 1 คน อายุประมาณ 4 เดือน และผู้หญิงทั้งสองฝ่ายมีการโพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงถึงกันและกัน

...

- ปัญหานี้เกิดมานานนับปี สะสมมาเรื่อยๆ จนมีปากเสียงกันมาตลอด กระทั่งวันเกิดเหตุ หลังจากที่ฝ่ายชายออกเวรมา ก็นั่งดื่มสุราอยู่ชั้นล่าง

- จากนั้นผู้ตายเดินลงมา แล้วทะเลาะมีปากเสียงกัน โดยผู้ตายก็ขึ้นไปนอนข้างบนแต่ฝ่ายชายตามมาง้อ และขอหลับนอนด้วย แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เดินหนีมานอนข้างล่าง 

- ด้วยความโมโห ฝ่ายชายจึงเดินตามลงมา โดยมีการหยิบปืนมาด้วยแต่คิดว่าปืนไม่มีลูก กระทั่งมีการยื้อแย่งกัน จนเกิดปืนลั่น ทำให้ฝ่ายหญิงเสียชีวิต

- หลังจากที่เกิดเหตุ ฝ่ายชายได้โทรให้แม่มาหา แล้วก็มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายตาม ส่วนปืนที่เป็นอาวุธในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้มีการเอาปืนมากดล็อกเซฟอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้ปืนลั่น และเอามาวางไว้ในที่เกิดเหตุ

- จากการตรวจสอบมีเขม่าปืนอยู่ที่มือขวาของทั้งคู่ และกระสุนเข้าที่ขมับซ้าย เฉียงไป 85 องศา ประกอบกับฝ่ายหญิงถนัดมือขวา จึงเป็นไปไม่ได้ฝ่ายหญิงจะฆ่าตัวตาย

- ญาติของปูนิ่ม เล่าอีกว่า ผู้กองบอยมีภรรยาอยู่แล้ว แต่งงานกับหญิงคนหนึ่ง มีการจัดงานผูกข้อไม้ข้อมือ และมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่กลับมาคบหากับปูนิ่ม จนตั้งครรภ์

- ปูนิ่มมารู้ความจริงทีหลังว่าผู้กองบอยมีครอบครัวแล้ว ซึ่งตอนนั้นปูนิ่มเสียใจมาก แต่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย และประคบประหงมลูกในท้องจนคลอดลูกเองที่บันไดแฟลตที่พักของผู้กองบอย

- กระทั่งลูกโต ก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ถูกสามีเอาปืนจี้หัว ทำร้ายจนสลบ ก่อนพาลูกหนีไปอยู่บ้านแม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์

- ผู้กองบอยก็โทรศัพท์ไปขู่ว่า ถ้าไม่พาลูกกลับมาจะตามไปฆ่ายกครัว ออกจากคุกเมื่อไรจะเลี้ยงลูกเอง

- ผู้กองบอย อ้างว่า เลิกกับภรรยาคนแรกแล้ว จากนั้นปูนิ่มจึงกลับมาดีกัน แต่ก็ไลน์คุยกับญาติตลอดว่า ไม่ไว้ใจสามี เพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน และไม่ค่อยถูกกับแม่สามี แต่ทนอยู่ด้วยเพราะสงสารลูก

- ระยะหลังพบว่า ผู้กองบอยยังไปหาภรรยาคนแรกจนมีลูกคนที่ 3 ด้วยกัน ทำให้มีปัญหากัน ระหว่างภรรยาคนแรก และปู่นิ่ม จนต้องพาไปเคลียร์กันที่สถานีตำรวจมาแล้ว

- ล่าสุด ภรรยาคนแรกของผู้กองบอยได้เดินทางมาที่กรุงเทพฯ กับลูก มาทำธุระเรื่องเรียนของลูก และติดต่อกับครอบครัวของผู้กองบอย

- ก่อนเกิดเหตุ ผู้กองบอยไม่อยู่บ้าน 4 วัน คาดว่าจะอยู่กับภรรยาคนแรก ปูนิ่มรู้จึงทะเลาะกัน ก่อนจะเกิดเหตุขึ้นดังกล่าวขึ้น

- อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่ายก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางของปูนิ่ม ยืนยันว่าจะเลี้ยงดูหลานสาววัย 4 ขวบเอง และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ช่วยกันคลี่คลายคดีให้จบลงได้