เปิดเส้นทางผีน้อยสาวไทย วัย 27 ปี ทำงานร้านซักแห้ง ติดเชื้อ "โควิด-19" ในเมืองกิมชอน จากหญิงชาวเกาหลีสาวกชินชอนจิ ปัจจุบันโดนกักตัว 3 สัปดาห์
ภายหลังมีการรายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ในเกาหลีใต้ โดยพบว่า "ผีน้อยสาวไทย" อายุ 27 ปี เมืองคยองซังเหนือ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แฟนเพจ ชุมชนคนไทยในเกาหลี Thaikuk KR ซึ่งนำเสนอข้อมูลการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคนไทยในเกาหลี ได้มีการนำข้อมูลเส้นทางการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของหญิงไทยรายดังกล่าว ดังนี้
- หญิงไทยโดดวีซ่าลักลอบทำงานอย่างไม่ถูกกฎหมาย ได้ติดเชื้อมาจาก หญิงชาวเกาหลีอายุ 29 ปี ซึ่งเป็นสาวกชินชอนจิ
- วันที่ 25-27 ก.พ.63 ทำงานที่ร้านซักแห้ง 365 ในพย็องฮวา-ดง เมืองกิมชอน ตั้งแต่เช้าถึงเย็น
- ช่วงเย็นวันที่ 26 ก.พ.63 ได้ไปซื้อของในมาร์ท
- วันที่ 28 ก.พ.-3 มี.ค.63 มีอาการป่วย และได้กักตัวเองอยู่ในบ้าน และเข้าตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลกิมชอนแจอิน
- วันที่ 5 มี.ค.63 ผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ออกมาเป็นบวก
- ปัจจุบันได้แยกกักตัวเองที่บ้านในพย็องฮวาดง โดยจะต้องกักกันตัวเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพราะมีอาการไม่รุนแรงนัก และมีแนวโน้มว่าจะหายได้เพียงแยกตัวออกมากักตัว แต่ก็อาจจะต้องถูกย้ายไปยังศูนย์ไลฟ์แคร์ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในกิมชอน.
...
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณี "ผีน้อย" สาวไทยในเกาหลีติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรายแรกและสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว โดยอ้างข้อมูลจากเอกสารที่ น.ส.พินยุดา แจ่มจันทร์ศรี อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำกรุงโซล ส่งโทรสารด่วนรายงานเหตุการณ์มายังกระทรวงแรงงาน และไฟล์เอกสารถูกเผยแพร่ต่อมาถึงสื่อมวลชนประจำกระทรวงแรงงาน ก่อนจะมีการเผยแพร่ออกไปยังสื่อสำนักต่างๆ ได้สร้างความไม่พอใจให้อัครราชทูตคนดังกล่าวเป็นอย่างมาก ที่ข้อมูลเป็นข่าวกระจ่ายออกไปก่อนที่จะมีการแถลงหรือชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ
โดยได้โพสต์ข้อความตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อฯ ลงในเฟซบุ๊ก ว่า ไวรัสว่าแพร่กระจายไวแล้วนะแต่สื่อนี่กระจายข่าวไวกว่าหลายปีแสง ใช้ชื่อไปประกอบข่าวแบบไม่เคยถาม บ่อยครั้งมากแถม copy/paste ส่งต่อกันแบบเด็กอนุบาลยังทำได้ พร้อมทั้งติดแฮชแท็ก #สื่อมักง่ายและไร้ความรับผิดชอบ #แม่ไม่ปลื้มอย่างแรง #ทะลุองศาเดือด แต่ภายหลังได้ลบแฮชแท็กสื่อมักง่ายและไร้ความรับผิดชอบออกไป ซึ่งสร้างความงุนงงกับสื่อฯ ประจำกระทรวงมาก เพราะเป็นการรายงานข้อเท็จจริง และข้อมูลไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด.
(ข้อมูลจาก แฟนเพจ ชุมชนคนไทยในเกาหลี Thaikuk KR)