
ทนายรณณรงค์ แนะรัฐทบทวนแผนโควิด-19 เอาเงินภาษีไปดูแล "ผีน้อยเกาหลี"
เปิดมาตรการรับมือ "ผีน้อยเกาหลี" หวั่นแพร่เชื้อ "โควิด-19" ระบาดในไทย ด้าน ทนายรณณรงค์ จี้ขอมาตรการชัดเจน ย้ำชัด ไม่เชื่อคนลักลอบเข้าทำงานผิดกฎหมายจะมีจิตสาธารณะต่อส่วนรวม กักตัว 14 วัน
จากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 อย่างหนักที่เกาหลีใต้ ส่งผลทำให้คนไทย หรือคนที่เป็นแรงงานผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้ หรือที่เรียกว่า "ผีน้อย" ต้องการเดินทางกลับประเทศไทยจำนวนเกือบ 5 พันคน
ข่าวแนะนำ
วันที่ 4 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อมร ลีลารัศมี ได้พูดคุยถึงกรณีดังกล่าวในรายการ ถามตรงๆ กับจอมขวัญ
โดย ทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า อยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตการป้องกันและควบคุมโควิด-19 แลพยิงมาเจอกับ "ผีน้อย" ซึ่งเป็นกลุ่มคนหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ไม่มีประกันสุขภาพที่เกาหลีเลย เมื่อป่วยขึ้นมาก็เดินทางกลับประเทศไทย จะมีอะไรรับประกันว่าคนกลุ่มนี้จะมีสำนึกต่อสาธารณะทุกคน กักตัวเองอยู่บ้านได้ตลอด 14 วัน
แต่ถ้ามีวิธีปฏิบัติหรือมีสถานที่กักกันว่าจะไม่หนีไปเที่ยวหรือหนีไปทำงานที่อื่น แบบนี้คุยกันได้ รอได้ แต่หากยังไม่มีความชัดเจนก็อยากให้รอไปก่อน ซึ่งมาตรการนี้ไม่ใช่เฉพาะแค่กลุ่มผีน้อยเท่านั้น แต่ต้องใช้กับทุกคน
เพียงแต่มีความกังวลเรื่องความรับผิดชอบต่อสาธารณะของ กลุ่มผีน้อย เป็นพิเศษ เนื่องจากตอนไปยังหนีเข้าเมืองเลย กลับมาประเทศไทยแล้วจะรับประกันได้อย่างไรว่าจะไม่หนีเที่ยว หมอจะต้องเสี่ยงอีกสักเท่าใด หากกลับมาแล้วไม่ยอมบอกประวัติการเดินทาง อาจทำให้หมอกับพยาบาลเสี่ยงติดเชื้อ พอกลับมาแล้วจะเอาเงินภาษีของประชาชนไปดูแลคนกลุ่มนี้อีก มันไม่ใช่ ไปเองได้ก็ต้องจ่ายเองได้
ต่างจากคนที่ไปเที่ยวหรือไปทำงานถูกกฎหมาย ยังมีชื่ออยู่ในระบบ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มนี้มีความรับผิดชอบต่อสังคมบ้าง และขอให้คนที่เข้าไปอย่างถูกกฎหมายได้กลับเข้าประเทศมาก่อน ส่วนคนที่เข้าไปผิดกฎหมายต้องรอทีหลัง
ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อมร เปิดเผยว่า มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขทำอยู่ขณะนี้ ทำตามหลักมาตรฐานสากลแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ฆ่าเชื้อในอากาศเพราะประเทศไทยยังไม่มีผู้ติดเชื้อ หลักพัน หลักหมื่นคน
หลักการใหญ่คือ ใครก็ตามที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงจะต้องระวังตัวเอง 14 วัน ไม่ใช่แค่คนไทยอย่างเดียว แต่ทุกคนที่เดินทางมาจากกลุ่มเสี่ยงจะต้องโดนมาตรฐานเดียวกันหมด และอีกสิ่งหนึ่งคือ อยากให้คนไทยร่วมมือกัน และให้กำลังใจคนที่กลับมาจากเกาหลีเพราะหากคนกลุ่มนี้ไม่ร่วมมือกับเรา ประเทศไทยก็อาจจะไปสู่ระยะที่ 3 อยากให้ทุกคนรับผิดชอบต่อตัวเอง ไม่อยากให้มีอารมณ์การขัดแย้งกัน
ขณะที่ นพ.สมบัติ แทนประเสิร์ฐสุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงแนวทางปฏิบัติในการรับมือกลุ่มคนไทยที่เดินทางจากเกาหลีใต้ ว่า นายกรัฐมตรีลงมากำกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง โดยหลักการคือ จะมีมาตรการก่อนกลับคือให้ทยอยกันกลับ โดยสถานทูตไทยที่เกาหลีจะเป็นหน่วยรับแจ้งลงทะเบียน และประสานกับทางเกาหลีให้เร่ิมคัดกรองจากที่นั่นเลย มีการกักตัว 14 วัน หากใครป่วยจะเข้ารับการรักษาที่เกาหลีเลย
เมื่อครบเวลากักตัวแล้ว ในขั้นตอนการเดินทางกลับจะมีกำหนดการให้เดินทางกลับ และก่อนขึ้นเครื่องจะมีการตรวจวัดไข้อีกครั้ง อันนี้จะเป็นภาระหนักของกระทรวงต่างประเทศที่จะช่วยดูแลเรื่องนี้ เมื่อมาถึงไทยแล้ว จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม 1 คือตรวจเจอว่าป่วย จะแยกตัวไปสู่กระบวนการรักษาโดยตรง
กลุ่ม 2 ไม่ป่วยแต่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงจะขอให้กักตัวในสถานที่ที่เตรียมไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพื้นที่สำหรับกักตัว จะมีการแจ้งอีกครั้ง
กลุ่ม 3 มาจากเมืองอื่นๆ ไม่ใช่พื้นที่ระบาด จะส่งไปยังพื้นที่ของตัวเองแต่จะประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและสาธารณสุข ให้หาพื้นที่กักตัว 14 วัน หากครบเวลาแล้วไม่มีอาการก็จะส่งตัวกลับบ้านได้ตามปกติ
นพ.สมบัติ กล่าวอีกว่า สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ขณะนี้เป็นภาระค่าใช่จ่ายของรัฐที่ต้องดูแลในส่วนนี้
ทนายรณณรงค์ กล่าวต่อว่า ขอเป็นกำลังใจให้การดำเนินมาตรการของนายกรัฐมนตรี แต่อีกมุมหนึ่งเรามี พ.ร.บ.โรคระบาด ที่ให้อำนาจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข สั่งการดูแลทั้งหมดอยู่แล้ว เหตุใดจึงไม่ทำตามขั้นตอนปกติ เพราะตามกฎหมายฉบับนี้สามารถสั่งกักกันได้เลย ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นคนที่เดินทางเข้ามาเป็นผู้จ่าย รัฐไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ อันนี้ก็เป็นสากลเหมือนกัน ทำไมต้องเอาภาษีประชาชนไปจ่าย อาจจะต้องมีการทบทวนตรงนี้เพิ่มเติม
และอยากให้มีการประกาศออกมาเลยว่า ประเทศใดบ้างเป็นประเทศสุ่มเสี่ยง ใครก็ตามที่เดินทางกลับมาจากประเทศเหล่านั้นจะต้องถูกกักกันทุกคน ในสถานที่ที่รัฐจัดหาให้โดยที่รัฐเก็บค่าใช้จ่าย หากทุกคนเท่าเทียมกันหมดคงไม่มีใครออกมาโวยวายแน่นอน และขอย้ำอีกครั้งว่า ขอให้ นายอนุทิน ประกาศคำสั่งกักกันคนที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ 14 วัน ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีในมือโดยไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีสั่ง.