ยังทำใจไม่ได้ พ่อ "กอล์ฟ ธนภัทร" เล่านาทีลูกชายกระแทกถังไอติม ก่อนป่วยมะเร็งผิวหนังระยะสุดท้าย พร้อมฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ

จากกรณีการเสียชีวิตของ นายธนภัทร พริ้งตระกูล หรือ กอล์ฟ นักแสดงนำในภาพยนตร์วาย "Timeline เพราะรักไม่สิ้นสุด" เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังระยะสุดท้าย ซึ่งเจ้าตัวมีอาการป่วยในช่วงปลายเดือนตุลาคม และมาเสียชีวิตในวันที่ 31 ม.ค. 63 สร้างความเสียใจให้กับครอบครัวและเพื่อนสนิทอย่างมากตามที่รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 4 ม.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านของ นายธนภัทร พริ้งตระกูล หรือ กอล์ฟ ญาติๆ กำลังทำการเก็บข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อนำสิ่งของต่างๆ ส่งคืนวัด โดยได้สอบถามกับ นายวัลลภ พริ้งตระกูล อายุ 50 ปี พ่อของกอล์ฟ ที่ยังอยู่ในอาการซึมเศร้า พร้อมกับเปิดเผยถึงช่วงก่อนที่น้องกอล์ฟ ลูกชายกำลังจะเจ็บป่วย ก่อนเข้าการทำการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม

นายวัลลภ เผยว่า ก่อนที่น้องกอล์ฟจะเสียชีวิต ร่างกายเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าจะมีอาการป่วย เพราะปกติแล้ว ลูกชายเป็นคนชอบออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสเป็นประจำ แข็งแรงทุกอย่าง และเดินทางไปทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อช่วงเดือน ตุลาคม 2562 ลูกชายไปทำงานที่ร้านขายไอศกรีม ปรากฏว่าช่วยกันยกของเก็บ และยกถังไอศกรีม จนเกิดการผิดพลาด กระแทกเข้ากับหน้าแข้งอย่างแรง โดยตัวลูกชายก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะทั่วไปแล้วทำงานก็จะต้องมีกระทบกระแทกกันบ้าง มีเพียงแค่รอยฟกช้ำธรรมดาเท่านั้น

...

แต่ภายหลัง รอยช้ำนั้นได้เริ่มขยายและแผ่กว้างมากขึ้น แล้วมีอาการขาบวม จึงบอกให้ลูกชายไปหาหมอ เพราะเผื่อเป็นอะไรขึ้นมาตรวจก็จะได้รู้จะได้รักษาอย่างถูกต้อง ลูกชายได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร ทายาเดี๋ยวก็หาย ฝืนไปทำงานทุกวัน จนกระทั่งทนไม่ไหวเพราะปวด ตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลนครปฐม โดยหมอให้แอดมิทที่โรงพยาบาลพร้อมกับให้ยา รอผลการวินิจฉัยของแพทย์ระบุเบื้องต้นว่า เป็นกล้ามเนื้ออักเสบ และให้กลับบ้านให้มารักษาตัว

จากนั้น ผ่านไปเพียง 1 อาทิตย์ ลูกชายกลับเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลอีก เพราะมีอาการบวมอักเสบมากขึ้นกว่าเดิม แผลแผ่ออกเป็นวงกว้าง อาการเลือดคั่งออกใต้ผิวหนังและเริ่มลุกลามขึ้นมาที่หน้าขา แต่เป็นอยู่เพียงข้างเดียวเท่านั้น ในระหว่างที่รออยู่โรงพยาบาลแพทย์ได้รอดูอาการพร้อมตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ หลังจากที่หมอผ่าตัดชิ้นเนื้อไปได้ 2 วัน จึงให้ลูกกลับบ้าน

กระทั่งผลออก แพทย์ที่ให้การรักษาได้บอกลูกชายว่า ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ตัวผมเองได้แต่ปลอบใจให้สู้ โรคมะเร็งสมัยนี้รักษาได้แพทย์เก่ง พ่ออยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องกลัว พ่อจะหายาดีๆ มารักษา คือเราให้กำลังใจกัน ผมกับภรรยาดูแลลูกชายตลอด ระยะเวลาที่ลูกอยู่โรงพยาบาล ตอนแรกอยู่ห้องผู้ป่วยรวม จากนั้นได้ไปจองขออยู่ห้องพิเศษ เพราะอยากให้ลูกอยู่ที่สบาย อยู่ได้เพียง 2 อาทิตย์ อาการก็เริ่มหนัก เพราะมีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น เดินไม่ไหวต้องพยุงเข้าห้องน้ำ

สำหรับเรื่องโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นกับลูกชายนั้น คาดว่าในร่างกายของน้องอาจมีเชื้อมะเร็งอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ทราบ เมื่อร่างกายไปกระแทกอย่างแรงจึงทำให้เกิดการกระทุ้ง หรือ กระตุ้นโรคขึ้นมา ประกอบกับการวินิจฉัยล่าช้าจนเกินไป อาการเริ่มแรกนั้นเป็นเพียงแค่อาการบวมช้ำเล็กน้อยยังไม่บานปลายเท่าไหร่ เป็นไปได้ว่าตัวของน้องกอล์ฟเองมีเชื้อมะเร็งอยู่แล้วแต่ไม่รู้ตัว

"ผมมีลูกคนเดียว สภาพจิตใจของผมตอนนี้ไม่มีกำลังใจแล้ว หมดกำลังใจ คิดอะไรไม่ออกตันไปหมด ที่เห็นว่าผมยิ้มผมพูดคุย ผมฝืนทำไป มันเกิดขึ้นมาแล้ว มันย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว แต่ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้"

อย่างไรก็ตาม นายวัลลภ ได้ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ ครอบครัวอีกด้วยว่า เรื่องราวแบบนี้หากไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวเราคงไม่รู้ ผมอยากจะบอกว่าคนเราอย่าชะล่าใจจนเกินไป แข็งแรงมากแค่ไหน โรคก็ยังฝังตัวอยู่ในร่างกายของเรา มะเร็งมาได้ทุกเมื่อ แต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น อย่างน้อยหากเป็นอะไรนิดหน่อยก็ควรต้องตรวจร่างกาย อย่าชะล่าใจ อย่าคิดว่าเจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไร อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์เป็นบทเรียนที่มีราคาแพงมากและหาค่าไม่ได้กับชีวิตคน.