จูบคุณคิดว่าไม่สำคัญ ก่อนจูบต้องดูว่าสะอาด ปลอดภัยไหม หลังหนุ่มวัย 15 ปีป่วยจากโรคโมโนนิวคลีโอซิส หรือโรคติดต่อจากการจูบ แม้รักษาหายได้ แต่ไวรัสสามารถแพร่กระจายได้

นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยเป็นชายอายุ 15 ปี มาพบหมอด้วยอาการมีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ เบื่ออาหาร เหงื่อออกตอนกลางคืน เหมือนคล้ายจะเป็นหวัด

ทั้งนี้ คนไข้ก็ซื้อยากินเองแต่ไม่ดีขึ้น จากนั้นก็ไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งหมอตรวจร่างกายส่องในคอบอกว่า มีหนองเป็นทอนซิลอักเสบ จึงให้ยาต้านเชื้อแบคทีเรียไปกิน วันต่อมามีผื่นขึ้นเต็มตัวตั้งแต่หน้า คอ หน้าอก และหลัง จากนั้นคนไข้จึงไปพบแพทย์อีกครั้งเนื่องจากกังวลว่าจะแพ้ยา หมอที่คลินิกเห็นว่าคนไข้อ่อนเพลียมากจึงส่งเข้าโรงพยาบาลสิชล รับคนไข้ตรวจเพิ่มเติมพบต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ ม้ามโต ไม่ซีด ไม่เหลือง

นายแพทย์อารักษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็ให้คนไข้ตรวจเลือดพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูง 12,800 cells และเข้าได้กับโรคโมโนนิวคลีโอซิส หรือที่เรียกกันว่า โรคติดต่อจากการจูบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus: EBV) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางน้ำลาย การไอ หรือการจาม

...

เบื้องต้นผู้ป่วยจะมีไข้ เจ็บคอ และรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อเป็นแล้วมักจะค่อย ๆ หายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยโรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ แต่ส่วนมากเกิดในวัยเด็กไปจนถึงวัยรุ่น

ส่วนวิธีป้องกัน คือ หลีกเลี่ยงการจูบกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น รวมถึงผ้าเช็ดหน้า หรือของใช้ส่วนตัวต่างๆ พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำลายหรือเสมหะของผู้อื่น ส่วนตัวผู้ป่วยเองก็พยายามหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อโรคไปยังผู้อื่นด้วยเช่นกัน.