สาวดูแลศพชาววัย 62 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ใช้ปูนขาวดับกลิ่นหลังตายมา 12 วัน เผย เชื่อพลังพระเจ้าจะทำให้ศพฟื้นคืนชีพ
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 62 ร.ต.ท.ชนินทร์ เกษร ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองนครนายก ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในบ้าน ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งทั่วบริเวณ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยสว่างอาริยะ
เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่งแห่งหนึ่ง บริเวณโดยรอบมีกลิ่นเหม็นเน่า เมื่อเข้าตรวจสอบภายในบ้านพบศพผู้เสียชีวิตสภาพนอนหงาย ห่มด้วยผ้าห่ม สภาพดำคล้ำ มีหนอนไช โดยรอบถูกโรยด้วยปูนขาว

ทั้งนี้ พบศพใส่เสื้อเชิ้ต สวมกางเกงขาสั้น และสวมผ้าอ้อมผู้ใหญ่อยู่ด้านใน ทราบชื่อนายสรวุฒิ เดชทวี อายุ 62 ปี เมื่อทำการชันสูตรเบื้องต้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน และจากการตรวจสอบเอกสารและยารักษาโรคซึ่งเป็นของผู้เสียชีวิตจะเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนศพผู้เสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่ได้นำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.อ.กล้าหาญ โชคพิพัฒน์ไพบูลย์ ผ.ก.ก.สภ.เมืองนครนายก กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชาย ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วกว่า 12 วัน และภายในบ้านก็มีผู้พักอาศัยอยู่อีก 3 คน ซึ่งมีผู้พิการด้วย จากการสอบถามเบื้องต้นจากผู้ที่อยู่อาศัยด้วยแจ้งว่าผู้เสียชีวิตเป็นลมจึงเสียชีวิตแต่ไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับทางศาสนา
...
กระทั่งวันนี้มีเพื่อนบ้านได้กลิ่น จึงมาแจ้งทางเจ้าหน้าที่และมาเปิดประตู เพราะตอนเพื่อนบ้านมาเรียกให้เปิดประตูคนในบ้านไม่ยอมมาเปิดให้ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเปิดเอง แต่ยังไม่ทราบสาเหตุก่อนหน้านี้ว่าเป็นมาอย่างไร สภาพศพก็นอนและเริ่มแห้งแล้วและก็มีการโรยปูนขาว เบื้องต้นคนอยู่อาศัยแจ้งว่าไม่ได้เป็นการนับถือลัทธิอะไรเป็นการนับถือศาสนาคริสต์

เจ้าของตึกแถว กล่าวว่า เมื่อวานมีลูกบ้านมาแจ้งว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าบริเวณตึกแถว ตนจึงได้นำลูกน้องอีก 4 คน มาช่วยกันค้นหาสาเหตุของกลิ่นเน่า แต่ก็ยังไม่พบ วันนี้จึงได้ออกค้นหาต้นตอของกลิ่นเหม็นอีกครั้ง ดูทั่วบริเวณทั้งรอบรั้ว ที่จอดรถ แต่ก็ไม่เจอว่ามีสัตว์อะไรตาย จนทุกคนลงความเห็นว่ากลิ่นเหม็นนั้นมาจากห้องเช่าห้องนี้ก็เลยตัดสินใจแจ้งตำรวจ เพราะพยายามติดต่อคนเช่าห้องแล้วแต่ติดต่อไม่ได้
นางพุทธนันท์ สดมณี ผู้เช่าห้อง กล่าวว่า ตนยอมรับว่าผู้เสียชีวิต ตายในขณะที่อยู่ในการดูแลของตน ตนไม่ได้แจ้งญาติของผู้เสียชีวิต ที่ตนมาเปิดการรักษานี้ได้ก็เพราะคนรู้จักกันนำผู้ป่วยมาทำการรักษา ซึ่งตนมีความเชื่อเองว่าสามารถรักษาผู้ป่วยได้จากพลังของพระเจ้า
โดยคนป่วยคนนี้ทราบครั้งสุดท้ายว่าเสียชีวิตจริงๆ คือวันที่ 4 ธ.ค. แต่ที่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่เพราะตนเชื่อในพลังของพระเจ้าว่า พลังของพระเจ้าจะทำให้ผู้เสียชีวิตคนนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ และจะกลับมาทำการรักษาจนเหมือนเดิม ซึ่ง ณ วันนี้ก็ยังมีความเชื่ออยู่ว่าผู้เสียชีวิตจะฟื้นขึ้นมาได้