ปิดก็ไม่หวั่น หลังคนไม่น่ารัก เบิร์นยาง ดื่มสุรา รับประทานอาหาร วาดรูปบนผนัง แต่คนอุดรธานี ก็ยังแห่ไปถ่ายรูปที่ปากทางลอดอุโมงค์แห่งใหม่ ที่เป็นลายผ้าหมี่ขิด และขันหมากเบ็ง ที่ชาวอีสานถือเป็นสิริมงคล

จากกรณีผู้รับเหมาเปิดโอกาสให้ชาวอุดรธานี ทดลองใช้ทางลอดใต้อุโมงค์ที่ยังไม่เปิดให้บริการ ที่แยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 2 กับวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี หลายคนพากันลงไปถ่ายรูปในอุโมงค์ แต่พบว่ามีคนบางกลุ่มใช้โอกาสนี้ เบิร์นยางรถยนต์ ดื่มสุรา รับประทานอาหาร วาดรูปบนผนัง ยกรถจักรยานยนต์ไปวางบนแท่นแบริเออร์ ทำให้สกปรกและเสียหาย จนผู้รับเหมาต้องประกาศปิดทางลอดอุโมงค์

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังมีคนเดินเข้ามาถ่ายรูปบริเวณอุโมงค์ทางรอดอยู่เป็นระยะๆ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ได้มีการนำแบริเออร์ปิดทางเข้าออก พร้อมปิดป้ายประกาศว่า เขตก่อสร้างอันตรายห้ามเข้า แต่คนก็ยังทยอยเดินทางมาถ่ายรูปกัน โดยเมื่อมาถึงได้จอดรถไว้ที่หน้าจุดปิดกั้นแล้วเดินเข้าไปไม่สนประกาศห้ามเตือน

นายธนันชัย สามเสน อดีตประธานหอการค้า จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า นายวัฒนา พุฒิชาติ อดีตผู้ว่าฯ ได้มอบหมายให้ตนร่วมกับ ศิลปิน สถาปนิกในท้องถิ่น มาเพิ่มเติมอัตลักษณ์อุดรธานี ให้กับทางต่างระดับที่กำลังสร้าง มีหลายส่วนที่ได้นำเสนอ

...

สำหรับผนังอุโมงค์ สถาปนิกปองพล เสนอเป็นลายผ้าขิดโบราณ และเลือกลายขันหมากเบ็ง ซึ่งมีความหมายอันเป็นมงคล ขณะที่อุดรธานีมียุทธศาสตร์เมืองผ้าทอมือด้วย สำหรับประติมากรรมส่วนอื่น ด้วยเวลากระชั้นชิดยังไม่ตกผลึก หากสานต่องานนี้น่าจะสมบูรณ์

ด้านนายปองพล ยุทธรัตน์ สถาปนิก เฮดดีไซน์สตูดิโอ เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกหลานอุดรธานี ได้รับการชักชวนจากนายธนัชชัย จึงช่วยกันคิดจะทำอะไรได้บ้าง กับการสร้างเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของชาวอีสาน หรืออุดรธานี ในโครงการทางต่างระดับอุดรธานี โดยเริ่มคุยกันมาตั้งแต่ต้นปี 62

ทั้งนี้ ตนได้เสนอแนวคิด จากการใช้ผนังแบบเดิมที่มีรูปลักษณ์กลมๆ และมีวัสดุซับเสียงด้านหลัง จึงลำดับแนวทางการออกแบบไว้ อันดับแรกจะต้องซับเสียงได้ไม่น้อยกว่าของเดิม อันดับสองไม่เป็นจุดสนใจมาก ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ และลำดับสุดท้ายต้องสวยงามเป็นเอกลักษณ์อุดรธานี

"อุโมงค์นี้ออกจากอุดรฯ ไปหนองคาย จะผ่านตลาดผ้านาข่า แหล่งผ้าพื้นเมืองใหญ่ที่สุดในอีสาน ความสนใจจึงไปที่ลายผ้าพื้นเมือง โดยศึกษาจากหนังสือลายผ้าอุดร 120 ปี แล้วเลือกผ้าขิดลายโบราณ ชื่อลายขันหมากเบ็ง ซึ่งเครื่องประกอบพิธีชาวอีสาน มีความหมายอันเป็นมงคล จึงนำลายผ้ามาทำกราฟิก เพื่อลดทอนรายละเอียดจนลงตัว นำไปจำลองทดสอบการซับเสียง ในห้องแล็บที่กรุงเทพฯ มีการปรับขนาดแบบอยู่ 3 ครั้ง จนเดือนสิงหาคมสรุปงานส่งให้ผู้รับจ้าง"

ส่วน ลายผ้าขิดโบราณ ลายขันหมากเบ็งในอุโมงค์ มีความเป็นสิริมงคลในตัวเอง เปรียบเหมือนเป็นสัญลักษณ์ ยินดีต้อนรับ ผู้คนเดินทางเข้ามาในเมือง และอวยพร ขอให้โชคดี ขณะผู้คนเดินทางออกจากเมืองไป รู้สึกภูมิใจที่ได้มามีส่วนร่วมกับงานนี้ และดีใจมากที่มีเสียงตอบรับออกมาดี
โดยผนังอุโมงค์ลายผ้าขิดโบราณ ลายขันหมากเบ็ง มีความเป็นสิริมงคลในตัวเอง เปรียบเหมือนเป็นสัญลักษณ์ ยินดีต้อนรับ ผู้คนเดินทางเข้ามาในเมือง และอวยพร ขอให้โชคดี ขณะผู้คนเดินทางออกจากเมืองไป

สำหรับ ขันหมากเบ็ง หรือ ขันหมากเบญจ์ คือ พานพุ่มดอกไม้ที่ใช้เป็นพานพุ่มบูชาในพิธีกรรม และบูชาพระรัตนตรัยในวันอุโบสถ หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งการนำไปบูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งนิยมในวันสำคัญ ทางพระพุทธศาสนา ทำด้วยใบตอง เครื่องบูชา 5 อย่าง ได้แก่ หมาก พลู ธูป เทียน ข้าวตอก ดอกไม้ อย่างละ 5 คู่ นิยมใช้เป็นเครื่องประกอบในการสักการบูชา หรือเครื่องพลีกรรม