แพทย์ยกเคสเตือน หากมีอาการฟันผุอย่าชะล่าใจ อาจอักเสบ ลามเป็นฝีหนองเนื้อเยื่อใต้คาง ทำหายใจติดขัด ต้องเจาะคอช่วย แม้พบเจอน้อย แต่เป็นแล้วรุนแรง
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.โรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์เคสเตือน คนไข้ฟันผุอย่านิ่งนอนใจ เพราะอาจเกิดฝีหนองเนื้อเยื่อใต้คาง ทำให้หายใจติดขัด จนต้องเจาะคอช่วยหายใจ ผ่านเฟซบุ๊ก "Arak Wongworachat" โดยระบุว่า ผู้ป่วยชายอายุ 40 ปี ฟันกรามผุเรื้อรังมานาน ไม่ยอมไปรักษา ซื้อยามากินเอง
7 วันก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยมีไข้ ปวดฟันกรามมาก จึงใช้พลาสเตอร์แปะปวด ก่อนเริ่มมีอาการ บวมร้อนที่คาง ลามไปรอบคอด้านหน้า หน้าอกตอนบนอย่างรวดเร็ว ลิ้นจุกคับปาก กลืนน้ำลาย น้ำ อาหารไม่ลง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หายใจติดขัด จึงรีบมาโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ให้สารน้ำแก้ภาวะขาดน้ำ งดน้ำ ให้ออกซิเจนทางจมูก ให้ยาต้านเชื้อทางเส้นเลือด รีบส่งห้องผ่าตัด ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูกเป็นการด่วน ลำดับแรกที่แพทย์ ทีมงาน ต้องทำคือการเจาะคอแบบฉุกเฉิน ช่วยหายใจให้ได้ก่อนเป็นการเร่งด่วน แล้วให้ยาสลบ
จากนั้นทำการผ่าฝีหนองออกเพื่อลดอาการบวม ได้หนองประมาณ 150 ซีซี โดยหนองขังอยู่ในโพรงใต้คางและดันเข้าไปโพรงใต้ลิ้น ยกลิ้นขึ้นมาจนปิดช่องปาก หลังผ่าตัด ผู้ป่วยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ รักษาในห้องไอซียู 5 วัน จากนั้นสามารถถอดเครื่องหายใจได้ แต่ยังคงต้องคาท่อที่เจาะคอช่วยหายใจเอาไว้จนกว่าจะยุบบวมหมด หลังจากนั้น ให้ทันตแพทย์ มาจัดการฟันผุ ต้นเหตุของอาการทั้งหมดต่อ
ทั้งนี้ นพ.อารักษ์ บอกด้วยว่า แม้คนที่ฟันผุ จะมีโอกาสเป็นฝีหนองเนื้อเยื่อใต้คาง ได้น้อย แต่หากเป็นแล้ว อาการจะรุนแรง ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อน อัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง ซึ่งเคสแบบนี้ มักพบในผู้ใหญ่ เนื่องจากหากเกิดในเด็ก ที่ฟันน้ำนมผุ ฟันจะหลุดก่อน
...
นอกจากนี้ นพ.อารักษ์ ยังอธิบายด้วยว่า การอักเสบติดเชื้อของชั้นเนื้อเยื่อในโพรงใต้คาง (Submandibular space) เป็นภาวะที่พบได้น้อยมากในปัจจุบันเนื่องจากมีการพัฒนาของยาต้านจุลชีพ โดยอัตราการเสียชีวิตลดลงจาก 50 เปอร์เซ็นต์ ในปี ค.ศ.1940 ก่อนที่จะมีการใช้ยาต้านจุลชีพในการรักษาการติดเชื้อที่เหงือกและฟัน (odontogenic infection) เหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์หลังจากมีการใช้ยาต้านจุลชีพ
(อ่านโพสต์ต้นฉบับ ที่นี่)
ที่มาจาก เฟซบุ๊ก Arak Wongworachat