ฟันผุ ต้องรีบหาหมอ อย่านิ่งนอนใจ ปล่อยเอาไว้จนกลายเป็นภัยไม่รู้ตัว พบเคสชายวัย 40 ปี ฟันผุจนเป็นฝีหนองใต้คาง ปิดกั้นการหายใจ มาช้าอีกนิดเสี่ยงตายได้
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.62 นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นฝีหนองเนื้อเยื่อใต้คาง เนื่องจากฟันผุเรื้อรัง หรือที่เรียกว่า โรค Ludwig's angina
ทั้งนี้ ผู้ป่วยเป็นชายอายุ 40 ปี ฟันกรามผุเรื้อรังมานาน โดยไม่สนใจไปรักษา ปวดฟัน ซื้อยาร้านยามากินเอง 7 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ ปวดฟันกรามมาก และซื้อพลาสเตอร์ปิดลดปวดที่แก้ม โดยผู้ป่วยเริ่มปวดบวมแดงร้อนที่คาง ลามไปรอบคอด้านหน้า หน้าอกตอนบนอย่างรวดเร็ว ลิ้นจุกคับปาก กลืนน้ำลาย น้ำ อาหารไม่ลง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว


...
นพ.อารักษ์ ระบุอีกว่า ก่อนมาโรงพยาบาล 1 วัน ผู้ป่วยเป็นไข้หนาวสั่นมาก หายใจติดขัด เมื่อเข้าห้องฉุกเฉิน หมอได้รีบให้สารน้ำแก้ภาวะขาดน้ำ งดน้ำและอาหาร ช่วยหายใจ ให้ออกซิเจนทางจมูก พอหายใจเองได้เล็กน้อย ออกซิเจนในเลือดต่ำลง ให้ยาต้านเชื้อทางเส้นเลือด รีบส่งห้องผ่าตัดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูกเป็นการด่วน
ลำดับแรกที่แพทย์ ทีมงานต้องทำ คือ การเจาะคอแบบฉุกเฉิน ช่วยการหายใจให้ได้ก่อนเป็นการเร่งด่วน แล้วให้ยาสลบ ตามมาด้วยการผ่าฝีหนองออกเพื่อลดอาการบวม ได้หนองประมาณ 150 ซีซี โดยหนองขังอยู่ในโพรงใต้คางและดันเข้าไปโพรงใต้ลิ้น ยกลิ้นขึ้นมาจนปิดช่องปาก
ทั้งนี้ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เข้ารักษาในห้องไอซียู 5 วัน จึงเอาเครื่องออกได้ แต่ยังคงต้องคาท่อที่เจาะคอช่วยหายใจเอาไว้จนกว่าจะยุบบวมหมด หลังจากนั้นค่อยส่งพบหมอฟันมาจัดการเรื่องต้นเหตุฟันผุกันต่อวิทยาทาน โรคนี้ปัจจุบันเจอได้น้อย แต่รุนแรงมาก
สำหรับโรค Ludwig's angina ได้ถูกเรียกชื่อตาม Wilhelm Frederick von Ludwig ในปี ค.ศ.1836 หมายถึง การอักเสบติดเชื้อของชั้นเนื้อเยื่อในโพรงใต้คาง (Submandibular space) เป็นภาวะที่พบได้น้อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีการพัฒนาของยาต้านจุลชีพ
โดยอัตราการเสียชีวิตลดลงจาก 50% ในปี ค.ศ.1940 ก่อนที่จะมีการใช้ยาต้านจุลชีพในการรักษาการติดเชื้อที่เหงือกและฟัน (odontogenic infection) เหลือเพียง 10% หลังจากมีการใช้ยาต้านจุลชีพ.