แม่น้ำตานอง วอนคนใจบุญช่วยลูกชายวัย 8 ขวบ ป่วยเป็นมะเร็งสมองระยะที่ 2 พบโรคแทรกซ้อนเส้นเลือดสมองโป่งพอง เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตก เสียชีวิตได้ ยังมีค่าผ่าตัดรออีกนับแสน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 1 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช พบ นายชัยฤทธิ์ โชติกะ อายุ 43 ปี อาชีพลูกจ้างร้านรับซื้อยางพารา และ นางสาวพัชรี ติจันทร์ อายุ 37 ปี อาชีพลูกจ้างร้านอาหารตามสั่งภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มีรายได้วันละ 300 บาท
โดยทั้งคู่มีลูกชาย คือ เด็กชายเลิศพิพัฒน์ หรือ น้องเมฆ โชติกะ อายุ 8 ปี ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งเนื้องอกในสมอง ระยะที่ 2 และโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง โดยน้องเมฆกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนวัดพรหมโลก แต่เนื่องจากอาการป่วยจึงไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ
ทั้งนี้ เพราะบางวันน้องเมฆมีอาการแทรกซ้อนจากโรคบ่อยครั้ง ทั้งอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ชักเกร็ง และอาเจียน จึงต้องหยุดไปโรงเรียน เนื่องจากหมอแจ้งว่าโรคเส้นเลือดสมองโป่งพองอาจทำให้เส้นเลือดสมองแตกเสียชีวิตได้ทุกเวลา
หากวันไหนน้องเมฆมีอาการแทรกซ้อน จึงจำเป็นต้องอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดที่บ้าน อย่างไรก็ตามดูจากภายนอก น้องเมฆมีสภาพร่างกายเหมือนเด็กปกติ แต่เมื่อได้พูดคุยสื่อสารกับน้องเมฆ พบว่าน้องเมฆ ค่อนข้างคิดช้า พูดสื่อสารช้า
ที่สำคัญน้องเมฆมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งนี้เกิดจากผลข้างเคียงของอาการป่วยทั้ง 2 โรค สำหรับโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง ถือว่าพบยากมากในเด็กวัยนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยกลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
นางสาวพัชรี แม่น้องเมฆ เปิดเผยว่า ช่วงที่น้องเมฆอายุประมาณ 4 เดือน น้องเมฆมีอาการปากเขียว ตัวเขียว และหมดสติ จึงรีบพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ตอนนั้นแพทย์วินิจฉัยว่าน้องเมฆน่าจะป่วยเป็นโรคลมชัก จึงให้กินยารักษาอาการประมาณ 2 ปี แต่อาการน้องเมฆยังไม่หายขาด
...
กระทั่งหมอได้ส่งตัวไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และพบว่ามีก้อนเนื้องอกในสมองขนาด 2–3 เซนติเมตร ซึ่งต้องผ่าเอาตัดเนื้องอกในสมองออกโดยเร็ว
จากนั้นแพทย์ส่งตัวน้องเมฆผ่าตัดโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีแพทย์เชี่ยวชาญ และมีเครื่องมือที่พร้อมผ่าตัด หลังจากผ่าตัดเก็บชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ และพบว่าชิ้นเนื้อมีเชื้อมะเร็งระยะที่ 2 ซึ่งแพทย์ตรวจรักษาให้ยาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งล่าสุดน้องเมฆเริ่มอาการหนักขึ้นมาอีก แพทย์จึงเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง และพบว่าเป็นโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง จำเป็นต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้เสี่ยงที่จะเกิดอาการเส้นเลือดสมองแตกเสียชีวิตได้ ส่วนค่ารักษาโรคเส้นเลือดสมองโป่งพองนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นแสนบาท
"แม่ยอมรับว่าไม่มีเงิน ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมากขนาดนั้น เพื่อรักษาอาการป่วยของน้องเมฆ ปัจจุบันก็ใช้สิทธิ์บัตรทองรักษา ทุกวันนี้แม้ว่าแม่กับพ่อจะช่วยกันทำงานรับจ้างทั่วไปแบบหามรุ่งหามค่ำ แต่ก็ได้เงินไม่เพียงพอที่จะรักษาลูก หากเป็นไปได้อยากเจ็บป่วยแทนลูกดีกว่าต้องทนเห็นลูกชายทนทุกข์ทรมาน"
นางสาวพัชรี กล่าวอีกว่า ในวันที่ 7 พ.ย.ที่จะถึงนี้ หมอนัดทำการรักษาลูกชาย แต่ตนและสามียังหาเงินจำนวน 111,682 บาทไม่ได้ ซึ่งเงินดังกล่าวทางโรงพยาบาลทำการประเมินเป็นค่ารักษาอาการป่วยเบื้องต้นของลูกชาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่สอบถามอาการป่วยของน้องเมฆ ปรากฏว่าแม่ของน้องเมฆเกิดความเครียดและเสียใจที่ยังหาเงินมารักษาลูกไม่ได้ ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมาด้วยความสงสาร
ขณะเดียวกัน น้องเมฆถึงกับเอ่ยพูดถามแม่ออกมาว่า "แม่ร้องไห้ทำไม" สร้างความสลดหดหู่เป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายรักษาอาการป่วยน้องเมฆ สามารถโอนเงินผ่านบัญชี น.ส.พัชรี ติจันทร์ (แม่ของน้องเมฆ) บัญชี ธนาคารกสิกรไทย ประเททออมทรัพย์ สาขาตลาดหัวอิฐ เลขที่บัญชี 3262425850 หรือโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 06-3338-0151.