เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถกระบะ หลังชน จยย. ใน ม.เกษตร ว่าตรงกับคำให้การหรือไม่ เบื้องต้น ไม่พบระบบเบรก มีความผิดปกติ ขณะที่ นิสิตชายถูกชน ยังสาหัส เลือดออกในสมอง

จากกรณี นายรัฐวิทย์ สราวุธวินัย อายุ 37 ปี ชาว จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่สมาคมอุทยานแห่งชาติ อยู่ใน ม.เกษตรศาสตร์ ขับรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฆอ 8417 กรุงเทพมหานคร หลุดโค้งแล้วไปชนรถจักรยานยนต์ของนักศึกษา 3 คัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย อาการสาหัส 1 ราย เหตุเกิดภายใน ม.เกษตรศาสตร์ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ที่ สน.บางเขน พ.ต.ท.ธนาพันธ์ ผดุงการ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางเขน พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รองผกก.(สอบสวน) และเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์เครื่องยนต์ บก.จร. เข้าตรวจสอบรถยนกระบะคันเกิดเหตุ

โดย พ.ต.ท.ธนาพันธุ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทำการตรวจบริเวณรอบรถ ภายในบริเวณห้องโดยสาร ระบบเครื่องยนต์ โดยเฉพาะบริเวณคันเร่ง และระบบเบรก เพื่อนำมาตรวจสอบว่าตรงกับคำให้การไว้หรือไม่ เบื้องต้นไม่พบรองเท้าแตะในรถ เพราะคนขับได้ใส่กลับบ้านไปแล้ว ส่วนการทดสอบระบบเบรกของรถ ไม่พบความผิดปกติ น้ำมันเบรกก็อยู่ในค่าปกติ

ส่วนสาเหตุจะเกิดขึ้นจากรองเท้าแตะไปขัดนั้นก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีช่องว่างระหว่างแป้นเบรกกับพื้นมากพอสมควร เชื่อได้ว่าอุบัติเหตุเกิดจากตัวผู้ขับขี่เองมากกว่า อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่เกิดจากผู้ขับขี่ จะรวมอยู่ในข้อหาขับรถโดยประมาทอยู่แล้ว และผลตรวจสภาพรถโดยละเอียดจะออกในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า

พ.ต.ท.ธนาพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนการสอบสวนขณะนี้ สอบปากคำผู้บาดเจ็บไปแล้วจำนวน 4 คน ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 คน ซึ่งเป็นนิสิตชายปี 3 ยังมีอาการสาหัส จากเลือดออกในสมอง ยังพักรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน จึงยังไม่สามารถสอบปากคำได้

...

ขณะที่ผลการตรวจเลือดไม่พบระดับแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จึงแจ้งข้อหาเพิ่มเป็น "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส" เนื่องจากผู้ก่อเหตุได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง หลังแจ้งข้อหาแล้วได้ปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องประกันตัว และเมื่อช่วงเช้าได้มีเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาสอบถามผลคดีกับพนักงานสอบสวน เพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายกรณีบาดเจ็บ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง