เสี่ยตัวปลอมมาเป็นระลอก อ้างมีธุรกิจ ถูกหวย 6 ล้าน ใช้รักลวงหลอกเงิน "สาวขอนแก่น" รักจริงหวังแต่งแต่ขอยืมเงินก่อนรวมๆ หลอกไป 4 หมื่นบาท สาวไหวตัวทันเกือบสูญทองอีกหลายบาท
นางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 38 ปี อาชีพ พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมาทราบที่หลังว่าใช้ชื่อปลอม ชื่อนายกิตติภาพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นนามสกุลพระราชทาน
ทั้งนี้ ตนรู้จักนายกิตติภาพ ผ่านแอปพลิเคชันหนึ่ง และได้เริ่มคุยกันผ่านไลน์ เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 62 ที่ผ่านมาจนสนิทสนม และนัดพบเจอกัน โดยนายกิตติภาพ บอกว่า จะมาทำธุระที่ขอนแก่น จึงเดินทางไปเจอวันที่ 19 ก.ย. และตกลงเป็นแฟนกัน โดยเขาอ้างว่า เคยทำงานเป็นกุ๊กอยู่ต่างประเทศ และปัจจุบันเปิดร้านอาหารอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา บอกตนว่า อยากมีครอบครัว และยังบอกเลยว่า รักจริงหวังแต่ง
"หนูพาเขามาที่บ้าน เขาก็พูดกับแม่หนูเลยว่า รักจริงหวังแต่งนะ อยากสร้างครอบครัวกับหนู ก็เลยคบกันเป็นแฟน เขาก็บอกว่ากำลังทำสวนเมล่อน อยู่ที่ อ.น้ำพอง เอาไว้จะพาไปดู เขาก็บอกว่ามาลงทุนกันไหม เขาก็ขอ 1 หมื่น หนูก็เลยให้เขา เพราะเราอยากมีรายได้และอยากจะลงทุนกับเขา"
...
จากนั้น เขาก็บอกว่าอยากจะยืมเงินไปจ่ายค่าทำธุรกิจรวมแล้ว ประมาณ 40,000 บาท และยังบอกว่าวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 ได้เงิน 6 ล้าน พร้อมส่งภาพหวยมาให้ดูด้วย ขณะเดียวกัน เขาบอกว่าจะพาไปจองรถวันรุ่งขึ้น โดยจะซื้อรถให้เป็นเงินสดนะ ซึ่งตนก็ดีใจมาก เพราะเป็นความฝันอยากมีรถสักคันให้แม่นั่ง จนเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา นายกิตติภาพ เริ่มมีพิรุธบ่ายเบี่ยงไม่คืนเงิน และบอกว่าจะต้องรีบเข้าไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ให้ตนไปพบที่สถานีรถไฟ
"แม่ของหนู รู้สึกเอะใจ และให้หนูถอดสร้อยข้อมือที่เป็นทองคำออก เมื่อเจอหน้านายกิตติภาพ เขาก็ดึงแขนเสื้อหนูขึ้น แล้วถามว่า ทองไปไหน หนูก็บอกว่าแม่ยึดไป เขาก็เลยบอกว่า กลับ หนูก็ยังไม่กลับ เขาก็พูดว่า ไม่แต่งงานแล้ว หนูก็เลยเดินออกมาเลย เขาก็ยังไลน์มาบอกว่า ฉันไม่ชอบคุณ เพราะคุณงี่เง่านะ"
นางสาวบี กล่าวอีกว่า หลังจากติดต่อเขาไม่ได้ ตนจึงเอาหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความที่สภ.เมืองขอนแก่น จึงทราบว่า ชื่อนายกิตติภาพ ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา อยากจะฝากเตือนหญิงสาวที่ต้องการจะมีคู่ให้คิดให้รอบคอบ อย่าเชื่อใจใครง่ายๆ และขอฝากชายคนดังกล่าวว่าขอให้นำเงินกลับมาคืนตนด้วย เพราะตอนนี้ตนต้องแบกรับภาระหนี้ที่กู้ยืมมาจากธนาคาร