ครูสาวโต้ไม่เคยให้เด็กกินฉี่ ที่เห็นเป็นแค่น้ำสมุนไพร หลังมีการแชร์ข้อความว่า มีการเอาน้ำสมุนไพรผสมฉี่ให้เด็กกินเวลาป่วย ขณะที่ต้นสังกัดสั่งสอบแล้ว บอกครูไม่ใช่หมอหากผิดพลาดขึ้นมาใครรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.62 หลังมีสื่อโซเชียลแชร์ข้อความว่า ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.พล จ.ขอนแก่น ได้ทำน้ำปัสสาวะกลั่นสมุนไพรไปให้เด็กกินเวลาไม่สบาย ปรากฏว่ากินไป 30 นาทีก็หาย และทดลองมากับเด็ก 30 คน ก็ได้ผลทุกคน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกออนไลน์

ล่าสุด "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ได้ลงไปตรวจสอบที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้น ต.โจดหนองแก อ.พล พบกับผู้อำนวยการโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน และนักจิตวิทยา จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3

โดย ครูพิมพ์ (นามสมมติ) ครูอ้างว่าทำน้ำปัสสาวะกลั่นสมุนไพรให้นักเรียนดื่ม ก็นั่งรวมอยู่ในห้องด้วย โดยได้นำสมุนไพร 4 ชนิด คือ ใบเตย ใบอ่อมแซบ หรือใบเบญจรงค์ ใบผงชูรส หรือผักไชยยา หรือผักคะน้าเม็กซิโก มะละกอกินใบ และชนิดที่สี่ คือ ใบย่านาง มาให้คณะจาก สพป.ขก.เขต 3 ได้ดูด้วย

...

ครูพิมพ์ กล่าวว่า ตนทำสมุนไพรกลั่นเป็นเพราะเข้าอบรมและเรียนรู้จากชมรมแพทย์วิถีธรรมแห่งประเทศไทย ที่มีหมอเขียวเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรรักษาโรค ซึ่งก็ทำดื่มเองมาตลอด โดยการนำสมุนไพร 4 ชนิด มารวมกับสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น นำมากลั่นรวมกัน จนเป็นหยดน้ำใสๆ ใช้เวลากลั่นสมุนไพรประมาณ 1 ชม.ก็จะได้สมุนไพรกลั่น นำมาผสมน้ำดื่ม โดยใช้สมุนไพรกลั่น 1 หยด ต่อน้ำ 1 แก้ว

"การทำสมุนไพรกลั่น ทำด้วยวิธีธรรมชาติ ตามคำสอนของหมอเขียว สมุนไพรก็หาได้ในชุมชนหมู่บ้าน จะไม่พึ่งพาวิทยาศาสตร์ เพราะสมุนไพรต้องปลอดสารเคมีทุกชนิด เมื่อกลั่นได้ที่ก็เก็บไว้ บางวันนำติดตัวมาที่โรงเรียน นักเรียนไม่สบายก็ให้ดื่มกิน โดยไม่มีปัสสาวะผสมแต่อย่างใด"

ครูพิมพ์ กล่าวอีกว่า ข้อความที่แชร์ในโซเชียลนั้น เป็นการพิมพ์คุยกันในกลุ่มปิด ไม่คิดว่าจะเล็ดลอดออกมาได้ และไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากคำยืนยันว่า พิมพ์ข้อความไปเพราะขาดความยั้งคิด ขอยืนยันว่า ไม่มีปัสสาวะผสม ตามที่พิมพ์ในโซเชียลแน่นอน

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนทราบเรื่องทั้งหมดจากโซเชียล โดยส่วนตัวไม่เคยทราบเรื่องที่ครูเอาน้ำสมุนไพรกลั่นมาให้นักเรียนดื่ม และครูรายดังกล่าวก็ถูก ผอ.สพป.ขอนแก่นเขต 3 เรียกตัวเข้าพบเพื่อชี้แจงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ต้องดำเนินการตามกฎข้อบังคบและกฎหมายต่อไป

ด้าน นายสนอง สุดสะอาด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 กล่าวภายหลังจากการฟังชี้แจงแล้วว่า ครูมีหน้าที่สอน อบรม ให้ความรู้กับนักเรียน แต่การที่ครูไปเรียนรู้เรื่องต่างๆ มา แล้วนำมาสอนนักเรียน หรือนำมาใช้กับนักเรียนนั้นก็ต้องพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะการเรียนการสอนมีระเบียบปฏิบัติ มีหลักวิชาการ ไม่ใช่จะสอนหรือให้อะไรก็ได้

ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ผิดถูกเรายังไม่พูดถึง ที่พูดคือความเหมาะสม เพราะสมุนไพรนั้นมีการใช้มาแต่โบราณ แต่การที่ครูรายนี้ทำสมุนไพรกลั่นมาให้นักเรียนดื่มเพื่อรักษาโรคให้นั้น ต้องถามว่ามันควรหรือไม่ควร เพราะครูไม่ใช่หมอ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ตนจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อนำมาพิจารณาพฤติกรรมของครูรายนี้ตามขั้นตอนต่อไป.