เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เล่าเหตุการณ์ขณะที่ เพื่อนต้องติดคุก 3 เดือน ที่ต่างประเทศ เพราะ "กินเบียร์กระป๋องเดียว" พร้อมเล่าประสบการณ์ที่ต้องเจอระหว่างอยู่คุกกลางทะเลทราย
แฟนเพจเฟซบุ๊ก เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน โพสต์เรื่องราวประสบการณ์ของชายคนหนึ่ง ที่ต้องไปติดคุกอยู่ต่างประเทศ โดยระบุข้อความว่า เรื่องเริ่มจากเพื่อนหายตัวไปพักหนึ่ง คือไม่ออนไลน์ ไลน์ไปก็เงียบ ก็คิดว่าคงงานยุ่งจนสักพักใหญ่ เพื่อนติดต่อมาพร้อมเล่าให้ฟังว่า "ไปติดคุกมาพี่!!" คือเพื่อนคนนี้ทำบริษัทใหญ่ เป็นคนปกติ ไม่ค่อยมีพิษภัย ทำงานอย่างเดียว
จากนั้น เพื่อนเล่าต่อว่า ไปทำงานตามคำสั่งบริษัทที่ดูไบ ก็ดูงานทำงานตามปกติ มีกำหนดไปประมาณ 12 วัน ก็ไม่มีอะไรติดขัดมากนัก จนวันที่ 10 ของการเดินทาง ในขณะที่ไปดูงานตามแพลนของบริษัท ทางเพื่อนถูกคะยั้นคะยอ โดยพนักงานให้กินเบียร์ด้วย ซึ่งเพื่อนจำได้ว่ามันผิดกฎหมาย โดยคนงานไทยที่นั่นยืนขึ้นบนรถจี๊ป พร้อมกางมือที่ถือกระป๋องเบียร์ พูดว่า "กลางทะเลทรายแบบนี้ใครจะมาจับ" ก็ดันคล้อยตามก็เลยกินด้วย 1 กระป๋องพอเป็นพิธี
จากนั้นก็นั่งรถของบริษัทกลับ ทางกลับเข้าเมือง คือเป็นทะเลทรายเวิ้งว้าง 2 ข้างทาง ขับไปได้สักพักมันมีจริงๆ คือ "ด่านตรวจกลางทะเลทราย" ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะหลักฐานอันแดงเรื่อๆ บนใบหน้า สรุปเพื่อนถูกจับข้อหาดื่มสุราฯ ซึ่งตามกฎหมายอิสลามและกฎหมายของที่นั้นคือ "ผิด"
ขณะที่ ทางบริษัทหาทางช่วย เอาตั๋วให้ดูว่าจะเดินทางกลับ พยายามเจรจา แต่ทางตำรวจยืนยันความเข้มแข็งในกฎหมาย เพื่อนถูกส่งไปฟ้องศาล เพื่อนสารภาพและสำนึกผิด ทางศาลตัดสินให้จำคุก 3 เดือน มีผลทันที ตอนนั้นเพื่อนเล่าว่ามันเครียดมาก เพราะเป็นคนไม่คิดร้าย ไม่ยุ่งสิ่งอโคจรมาทั้งชีวิต แต่กำลังติดคุกต่างประเทศ เพราะกินเบียร์กระป๋องเดียว ตอนนั้นลนลานไปหมด แต่ก็ยอมรับในชะตากรรม
...
อย่างไรก็ตาม วันแรกที่เดินทางไปถึง ได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้า และนำของติดตัวฝากไว้ มีระบบให้เซ็นรับรองสิ่งของ และชี้แจงกฎระเบียบภายในคุก โดยคุกดังกล่าวอยู่นอกเมืองในทะเลทราย มีทะเลทรายล้อมรอบแบบกว้างมากๆ และเจ้าหน้าที่แนะนำว่า "ที่นี่ไม่มีคนหนี เพราะหนีไปก็ตายด้วยความร้อน" พอเดินเข้าไปคนละเรื่องกับภายนอก เพราะในคุกมีการขุดลงไปอีกหลายชั้น ด้วยเหตุผลด้านความเย็น การขุดลึกลงไป จะลดอุณหภูมิในคุกได้ ซึ่งถ้ามองจากด้านนอกจะเหมือนตึกขนาด 3-4 ชั้น แต่จริงๆ พอเข้ามาลึกกว่านั้นมากและที่ทำให้เพื่อนขนลุกทันที คือ คุกเขาติดแอร์
จากนั้น เพื่อนเดินไปจนถึกห้องขัง เป็นห้องรวมที่ดูสะอาดเหมือนโฮสเทล ซึ่งเขาเลือกให้อยู่กับชาวเอเชีย ที่มีชาวจีน, เวียดนาม นอนอยู่ก่อนแล้ว โชคดีที่เพื่อนพูดได้ 3 ภาษา เลยสามารถสื่อสารได้ สรุปคือ นักโทษในห้องนั้นเป็นคดีเล็กๆ โทษไม่นาน ส่วนนักโทษหนักจะลงลึกไปอีก โดยชาวเวียดนามชวนดูซีรีส์ พร้อมหยิบรีโมตเปิด เพราะในห้องมีทีวี 1 เครื่อง พร้อมเคเบิลทีวี แล้วบอกว่า "ซีรีส์ ฆ่าเวลาได้ดีที่สุด" คืนแรกจึงผ่านไปได้โดยไม่กังวลอะไรมาก

วันต่อมา เจ้าหน้าที่มาพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ น่าจะเป็นพัศดี ก็มาดูนักโทษ และแนะนำการใช้ชีวิตในนี้ สรุปคือ มีสนามบาส สนามฟุตซอล ปิงปอง ฯลฯ สามารถใช้ได้ทุกคน มีโซนฟิตเนสให้ใช้ แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่ในโซนด้วยจึงใช้ได้ (ป้องกันทะเลาะกัน) ที่นี่ใช้เงินได้ โดยทุกท่านที่เข้ามา จะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อใช้จ่ายในคุก สำหรับสิ่งของที่นอกเหนือจากปัจจัย 4
หลังจากนั้น เพื่อนในห้องชวนไปห้องสมุด มีหนังสือให้อ่านเยอะมาก ขากลับเพื่อนถูกพาไปร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีของขายเยอะ แบบร้านในสถานีรถไฟ แต่ที่ทึ่งคือมีร้านรองเท้าพร้อมโลโก้ไนกี้แปะอยู่ เพื่อนเริ่มปรับตัวกับสถานที่ใหม่ แม้อาหารจะแปลกปากแต่ก็ทานได้ และเริ่มลองใช้เงินสวัสดิการ ซื้อขนม, นม, เนย โดยที่นี่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้ แต่เป็นหยอดเหรียญ และต้องไปที่ห้องที่จัดไว้ให้ โดยแต่ละคนจะมีช่วงเวลาให้ใช้ โดยเพื่อนได้โทรทางไกลบอกแม่ และย้ำว่าไม่ต้องห่วง ซึ่งแม่ก็คงเข้าใจว่าลูกโกหกให้ตัวเองสบายใจ แต่เปล่าเลยแม่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
จากนั้น เริ่มมีการแข่งขันบาส มีเสื้อทีมแบบเป็นเสื้อสีให้ใส่ มีนักโทษอาสาเป็นกรรมการ และช่วงเย็น ลองไปตีปิงปอง ซึ่งคนจีนตบกับคนอาหรับได้มันมากจนมีคนมุงดู และได้ลงไปเล่น ฟิสเนสกับเพื่อนต่างห้องขัง เพื่อนเริ่มกล้าที่จะสื่อสารกับคนอื่น อาจเพราะโซนชั้นที่อยู่ เป็นนักโทษคดีไม่ร้ายแรง และอยู่กันแบบไม่เดือดร้อนมาก จึงทำให้สุขภาพจิตแต่ละคน ไม่เลวร้ายมาก
กระทั่ง วันสุดท้ายที่เพื่อนพ้นโทษก่อนกำหนด นำเงินที่เหลือไปคืนเจ้าหน้าที่ โดยทางเจ้าหน้าที่แลกเป็นเงินจริงให้สำหรับเดินทางกลับ พร้อมเอกสารเพื่อการกลับบ้าน เจ้าหน้าที่ตามมาจัดการด้วย โดยเพื่อนจะได้ขึ้นเครื่องคนสุดท้ายของลำ และเอกสารทั้งหมดจะถูกถือโดยเจ้าหน้าที่ พอเป็นคนสุดท้าย เจ้าหน้าที่ก็ผายมือพูด GO พร้อมเอกสารที่ระบุว่า "ได้รับโทษแล้วและแบนแล้ว"
ทั้งนี้ ข้อสรุปที่ได้จากเพื่อนคือ แม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก สิ่งฆ่าเวลา และความอิสระในระดับหนึ่ง แต่การติดคุกมันก็เครียด และกังวลอยู่ดี แน่นอนเมื่อถึงสนามบิน ก็ถูกระบุในหนังสือเดินทางว่าทำผิดกฎหมายและได้รับโทษแล้ว ทำให้ไม่สามารถเข้าดูไบได้ 10 ปี ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่ได้ไล่ออก ยังให้กลับมาทำงานเหมือนเดิม เพราะคดีนี้มีพนักงานโดนบ่อย ซึ่งเพื่อนเลยขอเปลี่ยนสายงานในองค์กร และยังทำงานด้านเดิมจนทุกวันนี้.
ขอบคุณเฟซบุ๊ก เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน