สสจ.ขอนแก่น เผย "น้องโอชิ" 2 ขวบปอดติดเชื้อ ป่วยโรคมือเท้าปาก พร้อมตั้งกรรมการสอบให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ด้านแม่เผย ถามหมอแล้ว บอกเป็นไข้ธรรมดา ไม่ปฏิเสธการเยียวยา แต่ขอให้จบงานศพก่อน

จากกรณีนายสุริยา ศรีวันทา อายุ 32 ปี และนางสาว ลักษณ์สุดาพร ตะโก อายุ 27 ปี สองสามีภรรยา เรียกร้องให้มีการตรวจสอบหาสาเหตุการตายของน้องโอชิ หรือ เด็กชายนฤบดินทร์ ศรีวันทา อายุ 2 ขวบ 20 วัน เสียชีวิตขณะพาเข้ารักษาตัวที่ รพ.ของรัฐประจำอำเภอแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางโรงพยาบาลระบุสาเหตุการเสียชีวิตของน้องโอชิในหนังสือรับรองการตายว่า ปอดติดเชื้อ ร่วมกับมีภาวะแทรกซ้อน โดยสาเหตุนี้ทางครอบครัวติดใจสาเหตุการตายว่าติดเชื้อเพราะสาเหตุใด เพราะน้องโอชิเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากมีไข้ธรรมดา พูดคุยปกติ แพทย์ที่รักษาก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ก่อนที่กลับมาตรวจอีกวัน จะพบว่าปอดติดเชื้อ อาการทรุด และเสียชีวิต

นายแพทย์ สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า น้องโอชิ อายุ 2 ขวบ เข้ารับการรักษาด้วยอาการป่วยเป็นไข้ ที่โรงพยาบาลโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น จากการตรวจสอบแล้วพบว่า น้องโอชิ มีอาการป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ซึ่งจะพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งมารักษาที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2562 แพทย์ก็ได้รักษาตามอาการ เพราะโรคชนิดนี้ ต้องอาศัยภูมิคุ้มกันของตัวผู้ป่วยด้วย ว่าจะมีโรคแทรกซ้อนชนิดอื่นหรือไม่

หลังจากรักษา แพทย์ได้ให้น้องกลับบ้าน และกลับมาอีกทีวันที่ 4 สิงหาคม 2562 ด้วยอาการหายใจหอบ ซึ่งเป็นการแสดงอาการของโรคมือเท้าปาก แต่เนื่องจากน้องมีอาการหอบมาก แพทย์ที่รักษาจึงต้องใช้ท่อช่วยหายใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมีภาวะคงที่ระดับหนึ่ง ก่อนที่จะส่งตัวน้องมารักษากับแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลบ้านไผ่ ที่อยู่ในอำเภอติดกัน โดยเป็นไปตามแนวทางการรักษาทางการแพทย์ กระทั่งน้องเสียชีวิตขณะนำตัวส่งต่อมารักษา โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตจากภาวะปอดติดเชื้อ

...

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องโรคมือเท้าปาก และแพทย์เฉพาะทางเด็ก เป็นคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบวิธีการและแนวทางการรักษา การดูแลผู้ป่วยว่าครบถ้วนและถูกต้องตามหลักหรือไม่ เพื่อพัฒนาแนวทางการรักษาต่อไป

ขณะเดียวกันก็ได้ให้กำลังใจทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิตและแพทย์ที่ทำการรักษา รวมถึงแนวทางการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย โดยส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่ไปให้สร้างความเข้าใจ และกำลังใจกับครอบครัวน้องโอชิ รวมถึงให้คำแนะนำเรื่องแนวทางการช่วยเหลือ ตามมาตรรา 41 หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการบริการโดยยังไม่ได้พิสูจน์ว่าใครถูกหรือผิด และเบื้องต้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้ให้ยุติธรรมจังหวัดลงพื้นที่ไปให้การดูแลช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว

ในเวลาเดียวกัน ที่วัดประจำหมู่บ้าน บ้านสระบัว ต.โนนแดง อ.โนนศิลา พ่อแม่และญาติพี่น้องได้นำศพน้องโอชิ มาประกอบพิธีฌาปนกิจและบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ซึ่ง นางสาวลักษณ์สุดาพร ตะโก อายุ 27 ปีมารดาของน้องโอชิ เผยว่า ญาติพี่น้องได้ส่งวิญญาณน้องไปสู่สรวงสวรรค์แล้ว ส่วนการที่ ผอ.โรงพยาบาลโนนศิลา มาไหว้ศพน้องโอชิในช่วงเช้านั้น ไม่มีการพูดคุยใดๆ และไม่มีการแจ้ง หรือบอกว่าลูกชายป่วยด้วยโรคอะไร ปอดติดเชื้อด้วยสาเหตุใด บอกเพียงว่า เสียใจด้วย และก็เดินทางกลับ ซึ่งเมื่อพิธีต่างๆ เกี่ยวกับงานศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินหน้าทวงถามความจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ แม่น้องโอชิ ยังระบุด้วยว่า การเยียวยาเราไม่ได้ปฏิเสธ แต่ตอนนี้ครอบครัวขอดูแลน้องเป็นครั้งสุดท้ายให้เรียบร้อยก่อน จึงจะมีการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะสิ่งที่ค้างคาใจคือ ได้ถามกับหมอที่ดูแลรักษาลูกชายมาตลอดว่า น้องตกจากเก้าอี้ปากแตก น้องจะมีโอกาสติดเชื้อโรคมือเท้าปากหรือไม่ แต่แพทย์บอกว่าน้องมีอาการป่วยไข้ธรรมดา เป็นผลข้างเคียงจากแผลในปาก และหมอยังได้คลายข้อสงสัยให้เราอีกว่า ถ้าน้องรับเชื้อโรคมือเท้าปาก ยาที่หมอให้ ให้กินติดต่อกันตามคำแนะนำ เชื้อจะตายเองภายใน 7 วัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหมอไม่มีความชัดเจน สุดท้ายลูกชายต้องมาตายอย่างทรมาน จึงขอยืนยันว่า ครอบครัวจะเดินหน้าให้หน่วยงานทางการแพทย์ และ รพ.โนนศิลา ออกมาชี้แจงและพูดความจริงให้ครอบครัวเข้าใจในการตายของน้องโอชิต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พ่อแม่ เดินขึ้นบันไดนำดอกไม้จันทน์ ไปวางบนเมรุเป็นครั้งสุดท้าย ต้องมีคนคอยพยุงตลอดเวลา เนื่องจากพ่อและแม่ ยังทำใจไม่ได้ พร้อมกับบอก น้องโอชิ ว่า ขอให้กลับมาเป็นลูกของพ่อกับแม่อีก ก่อนที่จะเป็นลม จนญาติๆ ต้องเข้ามาพยุงตัวออกไป

พร้อมกันนี้ เพื่อนบ้าน ของน้องโอชิ ยังได้นำรถไถมาจอดที่หน้าเมรุเผาศพ ซึ่งเป็นรถไถที่น้องโอชิ ชอบไปเล่นตามประสาเด็ก เพื่อให้รับรู้ว่า ทุกคนยังคงรักและเป็นห่วงน้องโอชิอยู่เสมอ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง