ทางการไทยไม่นิ่งนอนใจกรณี ผัวเมียออสซี่อ้างล้มป่วยร่วม 2 ปี เพราะกินผัดไทยจากประเทศไทย ชี้เชื้อโรคตามที่ถูกกล่าวอ้างตายจากความร้อน แต่ก็เดินหน้าตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี สามีภรรยาชาวเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย อ้างว่า ป่วยนานร่วม 2 ปี หลังจากกินผัดไทยขณะมาเที่ยวประเทศไทยนั้น (อ่านข่าวก่อนหน้า ผัวเมียออสซี่อ้าง ล้มป่วยเหมือนตกนรกร่วม 2 ปี เพราะกินผัดไทยกระฉ่อนโลก ผัวเมียออสซี่ อ้างกินผัดไทย จนป่วย ลั่นไม่มาเอเชียอีกแล้ว)

ล่าสุด นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า กรมควบคุมโรคขอให้ข้อมูล ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหาร ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและการสอบสวนโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมอนามัย กรมควบคุมโรค และสำนักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ร่วมกันดำเนินการมาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ในการดูแลเกี่ยวกับอาหารนำเข้า ส่งออก และบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้ประชาชนที่บริโภคได้รับความปลอดภัยจากอาหาร 

...

ขณะนี้ กรมควบคุมโรคเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยประสานไปยังสำนักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัยและคณะกรรมการเครือข่ายความปลอดภัยด้านอาหารระหว่างประเทศ ภายใต้กฎอนามัยระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักเรื่องอาหารปลอดภัย เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประสานไปยังเครือข่ายระหว่างประเทศและประชุมหารือผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว

สำหรับเชื้อโรคตามที่ถูกอ้างถึงนั้น เป็นโปรโตซัวในลำไส้สกุลหนึ่ง โดยทั่วไปเชื้อนี้ไม่ก่อโรคในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง เชื้อจะไม่ทนต่อความร้อนและกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งผัดไทยปรุงให้สุกด้วยความร้อน จึงไม่น่าจะใช่สาเหตุดังกล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด อหิวาตกโรคและไข้ไทฟอยด์หรือ ไข้รากสาดน้อย เป็นต้น โรคเหล่านี้ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือ ดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หนอนพยาธิ โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน หรือมากกว่า คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อุจจาระอาจพบเยื่อมูกและมีเลือดปน ในบางรายมีอาการรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในการป้องกันโรคขอให้ปรุงอาหารให้สุกด้วยความร้อนทั่วถึงและสะอาด ล้างผัก ผลไม้ด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้มีด เขียง หั่นอาหารดิบและอาหารสุกร่วมกัน ดูแลความสะอาดของภาชนะใส่อาหาร ห้องครัว และการกำจัดขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล ตามหลักสุขาภิบาลอาหาร เพื่อไม่ให้ปนเปื้อนเชื้อโรค 

ทั้งนี้ โอกาสนี้ ขอแนะนำประชาชนให้ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ นอกจากนี้ ควรจัดให้มีน้ำดื่มที่สะอาด มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะ มีการกำจัดขยะมูลฝอย และน้ำเสียที่เหมาะสมในบริเวณที่อยู่รวมกัน โดยเฉพาะในร้านอาหาร